ทนายความนำครอบครัวของ “ชัยภูมิ ป่าแส – อะเบ แซ่หมู่” ยื่นฟ้องแพ่งกองทัพบกเรียกค่าเสียหาย กรณีลูกชายถูกยิงเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความ สมาคมนักกฏหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน มูลนิธิผสานวัฒนธรรม องค์กร Protection International (PI) พานางนาปอย ป่าแส มารดาของนายชัยภูมิ ป่าแส และนางอะหมี่มะ แซ่หมู่ มารดาของนายอะเบ แซ่หมู่ มายื่นฟ้องศาลแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายจากกองทัพบก กรณีที่ลูกชาย คือนายชัยภูมิ และนายอะเบ ถูกพลทหารใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงเสียชีวิต โดยทั้งสองเหตุการณ์มีความคล้ายคลึงกัน และห่างกันเพียง 1 เดือน ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อปี 2560 ทหารอ้างว่า ยิงเพื่อป้องกันตัวเอง เนื่องจากผู้ตายมีระเบิดที่จะขว้างใส่ทหาร
นายรัษฎา กล่าวว่า ญาติของทั้งสองคนมาเรียกร้องความยุติธรรม ซึ่งกองทัพบกจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยการเยียวยา ทั้ง 2 ครอบครัว ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า จะได้รับความยุติธรรมจากศาล อย่างไรก็ตามที่ด่านตรวจบ้านรินหลวงมีกล้องวงจรปิด 9 ตัว ซึ่งผบ.เหล่าทัพ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ตนอยากให้เอาภาพจากกล้องวงจรปิดมายืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่านายชัยภูมิได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อนจริงหรือไม่ รวมทั้งมีความพยายามจะขว้างระเบิดใส่ทหารจริงหรือไม่ ซึ่งภาพจากกล้องวงรปิด ถือเป็นพยานวัตถสำคัญ หากถูกทำให้เสียหาย หรือ สูญไป คนที่ครอบครองต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ฝากสื่อมวลชนติดตามคดีจากอัยการศาลทหารในความผิดทางอาญาด้วย ซึ่งกฏหมายปิดช่องไม่ให้ญาติผู้เสียชีวิตเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นโจทก์ฟ้อง ในกรณีแบบนี้ควรให้ทหารมาขึ้นศาลยุติธรรมมากกว่าศาลทหาร สำหรับค่าเสียหายที่เรียกร้องให้แก่ครอบครัวของนายชัยภูมิ ประมาณ 4 ล้านบาท ส่วนกรณีของนายอะเบ แซ่หมู่ เรียกร้องค่าเสียหาย ให้แก่ครอบครัว 7 ล้านบาท เพราะทั้งสองครอบครัวได้รับความเดือดร้อนจากการสูญเสียเสาหลัก และบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวไป
ด้านนายไมตรี กล่าวว่า การสูญเสียในครั้งนี้ ทั้งสองครอบครัวได้รับผลกระทบทางจิตใจ ส่งผลให้น้องชายของนายชัยภูมิไม่ได้เรียนหนังสือ แม่ของนายชัยภูมิพูดจาไม่รู้เรื่อง มีอาการซึมเศร้า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นางอะหมี่มะ แซ่หมู่ แม่ของนายอะเบ แซ่หมู่ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าลูกชายจะมีอาวุธร้ายแรง เพราะลูกเป็นคนดี อยากขอความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะส่วนตัวรู้สึกว่าสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป ส่งผลให้ครอบครัวขาดรายได้ เป็นจำนวนมาก จึงไม่รู้จะพึ่งใคร ขอกระบวนการยุติธรรมและสื่อมวลชนช่วยเหลือ
ล่าสุด ศาลรับฟ้องคดีแล้ว และอยู่ในระหว่างรอการไต่สวนยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งจะพิจารณาวันนี้ และวันที่ 22 ก.ค. เวลา 13.00 น. ศาลแพ่งนัดกำหนดประเด็นในการสืบพยาน