รถกระบะซิ่งแหกโค้งพุ่งชนร้านค้า ทะลุเข้าไปในห้องเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ มีผู้เสียชีวิต1 ศพ บาดเจ็บสาหัส 1 ราย
วันที่ 21 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก อ.หล่มสัก ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนอาคารโรงเรียนบ้านปากดุก ต.ปากดุก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูหล่มสัก พบรถยนต์กระบะนิสสัน แค็ป สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บว.8346 เพชรบูรณ์ สภาพด้านหน้าพังเสียหาย อยู่ภายในห้องเรียนของโรงเรียนบ้านปากดุก พบผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ นางเสงี่ยม พลจันทร์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 6 ต.ปากดุก และนางอุดร พิมพ์ดี อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 6 ต.ปากดุก อาการสาหัสทั้ง 2 ราย จึงรีบนำตัวส่ง รพ.หล่มสัก แต่นางอุดร พิมพ์ดี ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายเดชดนัย รัตนวิจิตร อายุ 36 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถนำหน้ารถคันเกิดเหตุมาห่างๆ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งเล็กน้อย ตนมองกระจกหลังได้สังเกตเห็นรถจักรยานยนต์คันหนึ่งกระเด็นมากลางถนน จากนั้นได้มีฝุ่นตลบตนจึงจอดรถและลงมาดูก็พบว่ารถคันที่ขับตามหลังตนมาได้พุ่งชนร้านค้า กำแพงบ้าน กำแพงโรงเรียน ทะลุเข้าไปในห้องเรียนและพบว่ามีผู้บาดเจ็บนอนอยู่กับพื้น 2 คน จึงได้โทรศัพท์แจ้ง 1669 และเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ส่วนคนขับทราบชื่อต่อมา คือ นายกันตพงศ์ มงคลวัจน์ อายุ 22 ปี อยู่ในอาการที่ตกใจ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบนำตัวออกจากพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บรุมทำร้าย
ด้านนายนิรศักดิ์ นารี ผอ.โรงเรียนบ้านปากดุก เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการเปิดเรียนวันแรก และปกติจะมีนักเรียนชั้นอนุบาลประมาณ 20 คน ทำกิจกรรมอยู่ภายในห้องดังกล่าว แต่ขณะเกิดเหตุครูได้พานักเรียนออกไปนอกห้อง เพื่อเตรียมตัวเคารพธงชาติ ไม่เช่นนั้นหากมีนักเรียนอยู่อาจทำให้เกิดความสูญเสียมากกว่านี้อย่างแน่นอน สำหรับห้องเรียนดังกล่าว จะมีกำแพงของร้านค้ากั้นอยู่ 1 ชั้น จากนั้นก็จะเป็นกำแพงข้างโรงเรียน คาดว่ารถยนต์คันดังกล่าวน่าจะขับมาด้วยความเร็ว จึงพุ่งชนกำแพงพังทั้ง 2 ชั้น รวมทั้งผนังห้อง ส่วนความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุรถคันดังกล่าว น่าจะขับมาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางโค้งอาจจะเสียหลักแหกโค้ง ประกอบกับในขณะนั้น นางเสงี่ยม พลจันทร์ อายุ 72 ปี ซึ่งเปิดร้านค้าขายขนมขบเคี้ยว กำลังนั่งคุยอยู่กับนางอุดร พิมพ์ดี รถได้พุ่งชนทั้งสองคนลากไปอัดกับกำแพง 2 ชั้น และทะลุไปในห้องเรียน ทำให้นางอุดรเสียชีวิต และนางเสงี่ยม ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นได้นำตัวคนขับไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ปรากฏว่าไม่พบแต่อย่างใด และจากการสอบสวน นายกันตพงศ์ มงคลวัจน์ อายุ 22 ปี ให้การว่าก่อนเกิดเหตุตนเองได้ขับรถเพื่อที่จะมารับคนงานภายในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง ได้มีรถจักรยานยนต์ตัดหน้า ตนตกใจจึงหักหลบและพุ่งชนร้านค้าและทะลุไปในห้องเรียนดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับนายกันตพงศ์ต่อไป