เหนื่อยเจียนตาย “ใหม่” อ่อนล้า อิ่มตัว เคยคิดลาออกจากวงการบันเทิง

2019-05-21 13:15:39

เหนื่อยเจียนตาย “ใหม่” อ่อนล้า อิ่มตัว เคยคิดลาออกจากวงการบันเทิง

Advertisement

มันเหมือนอิ่มตัว "ใหม่ เจริญปุระ" เหนื่อยล้าน้ำตาตก คิดอยากลาวงการบันเทิง ลั่น เหมือนโดนสาปเรื่องความรัก 

หากพูดถึงนักร้องสาวเสียงทรงพลังยุค 90 แล้ว เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึงเธอคนนี้ “ใหม่ เจริญปุระ” นักร้องและนักแสดงสาวมากความสามารถ อย่างล่าสุด เจ้าตัวก็เพิ่งจะฝากฝีมือทั้งการร้องและการแสดงไว้ในละครดังหลังข่าวอย่างละครเรื่อง “กรงกรรม” ที่เจ้าตัวรับบท “แม่ย้อย” ที่ทำเอาหลายคนอินไปตามๆ กันเลยทีเดียว แถมเรตติ้งละครก็พุ่งแรงแซงละครดังหลายเรื่องอีกต่างหาก

งานนี้จ้าตัวก็ได้มีโอกาสมานั่งเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ ประสบการณ์ในวงการบันเทิง รวมไปถึงเรื่องที่เจ้าตัวเคยคิดอยากจะออกจากวงการ ผ่านทางรายการ “คุยแซ่บ SHOW” ว่า…




ต้องขอแสดงความว่ายินดีด้วย กับกระแสละคร ? 

“มันก็เป็นความปลื้มปริ่ม หายเหนื่อยแล้วก็ภูมิใจมากในฐานะที่เราเกิดมาจากการเป็นนักแสดง”

10 ปีที่ไม่ได้เล่นละคร ทำไมถึงเลือกเล่นเรื่องนี้ ? 

“ก็ต้องเป็นเพราะ พี่อ๊อฟ พี่แดง พี่ปู ตอนแรกเคยมีคนติดต่อให้เล่นแบบมีลูกเล็ก เราก็ยังรู้สึกว่าไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวคนติดภาพ พี่อ๊อฟก็บอกว่าใจเย็นๆ เอ็งอ่านก่อน พี่แดงบอกว่าเรื่องนี้เอาหัวเป็นประกัน เราก็โอ้โห ขนาดนี้เลยเหรอ แล้วพอเราได้อ่านบทจริงๆ มันจี๊ดหัวใจจริงๆ เราก็เลยรู้สึกว่าถ้าไม่เล่นก็บ้าแล้ว”

ในฐานะนักแสดงนี่ถือว่าประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิตไหม ?

“ถ้า พ.ศ.นี้คงใช่”






เส้นทางการเป็นนักแสดงของพี่ ? 

“ถ้าย้อนกลับไปตอนเราเกิดใหม่ๆ โอ้โห… เต้นกิน รำกินไม่ไหวหรอกผู้หญิงคนนี้ แต่ก่อนกลับโดนดูถูกด้วยซ้ำไปคือพี่สาวใหม่สวยๆ คุณพ่อเขาก็จะไปจัดการกับผู้กำกับว่าอย่ามายุ่งกับลูกนะ พอถึงคิวใหม่เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ก็คงไม่มีใครมอง แต่ทีนี้พ่อเองมาบอกว่าพ่อประสบความสำเร็จ เดี๋ยวไปเล่นละครพ่อกัน แต่พอพ่อพูดเสร็จพ่อหายไป เราก็รอกับแม่ และใหม่กับที่บ้านสนิทกับ “อาแอ๊ด สมบัติ เมทะนี” แล้วเราก็ไปทานข้าวกันที่โรงแรม แล้วเขาจัดงานพอดี ทีนี้เขาก็บอกว่าเดี๋ยวหลานมันเบื่อให้ไปเล่นงานเลี้ยงข้างบนสิ แล้วพี่สาวบอกว่าดีเลย เดี๋ยวแกเข้าไปเจออาจารย์คนนี้นะ

พอไปเจอเราก็แนะนำตัวบอกว่ามาสมัครเล่นหนัง อาจารย์เขาถามว่าอยู่ที่ไหน เราก็เลยบอกว่าเรียนอยู่อังกฤษ แล้วเขาก็ถามต่อว่าแล้วพ่อแม่ล่ะ เราก็ไม่ได้เตรียมมา บอกว่าพ่อแม่ค้าขาย แล้วเขาถามชื่ออะไร เราก็บอกว่า ชื่อใหม่ แล้วตอนนั้นนักข่าวกำลังรุมอาจารย์ พอเขาได้ยินชื่อใหม่ก็หันมาบอกว่าถ่ายนางเอกใหม่หน่อย เราก็อุ้ย… ทำไมเป็นนางเอกง่ายจังเลย ปรากฏว่าอาจารย์ให้ที่อยู่ถ้าอยากเป็นนางเอกไปที่นี่”


นานไหมกว่าจะได้เล่นหนังเรื่องแรก ? 

“ก็เป็นปีนะ ก็คือว่านัดไปเทสต์หน้ากล้อง เราคิดในใจเป็นนางเอกทำไมถ่ายเยอะขนาดนี้ แล้วท่านก็พาไปได้ไปเจอกับ “หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย” ก็แนะนำให้รู้จักนางเอก ท่านก็บอกว่าไม่ต้องแนะนำ ผมรู้จักนี่ลูก “รุจน์ รณภพ” พี่ยิ่งสลดหนักเลย เพราะว่าถ้าเกิดลูกรุจน์คือฉันจบเลย เพราะพ่อค่อนข้างดุ แล้วจากนั้นไม่นานพี่สาวก็แต่งงานก็มีโอกาสไปเจอกับพ่อและ “อาจารย์ไพจิตร” ในงาน เราก็มองกับแม่ แน่นอนแล้วเขาต้องคุยกันแน่ แล้วพ่อก็ไปคุยจริงๆ

แล้วอาจารย์ก็มาเล่าทีหลังว่า พ่อบอกขอร้องอย่ายุ่งกับลูกผม ผมขอเลยไม่ต้องเอาเขาไปเลย ให้เขาไปเรียนหนังสือ อย่ามายุ่ง อาจารย์บอกว่าผมทำแบบนี้กับเด็กคนนี้ไม่ได้ มันฝัน มันหวังของมันเหลือเกิน แล้วผมเซตกองถ่ายไว้หมดแล้ว เตรียมเรื่องราว ซื้อตั๋วไว้หมดแล้วจะไปถ่ายที่อังกฤษกัน พ่อก็พูดไม่ออก”

พี่บอกว่าที่พ่อไม่อยากให้เล่นหนังเพราะกลัวโดนดูถูก แล้วพอพี่มาเล่นเคยโดนดูถูกไหม ? 

“ถ้าจะดูถูกมันกลับกันแล้ว มันกลายเป็นสงสัยเด็กเส้น ซึ่งเขาไม่รู้ว่ากว่าจะมายืนตรงนี้โคตรลำบากเลย แล้วที่สำคัญมันจี๊ดหัวใจเมื่อทุกคนถามทำไมไม่เล่นหนังพ่อ เราก็ถามพ่อเรื่องจะเอาเราไปเล่นหนัง เขาก็กลายเป็นอีกแบบ เขาบอกว่าก็ลูกดังแล้ว เดี๋ยวเหมือนพ่อมาคว้าตอนลูกดัง ก็เป็นแบบนั้นไปอีก เราก็เลยคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสเล่นกับพ่อแล้วล่ะ”






เสียดายไหม ? 

“ใหม่เคยเสียดาย แต่ใหม่ว่าใหม่ต้องผ่านความยากลำบากก่อน แล้วถึงมีที่ยืนอยู่อย่างทุกวันนี้ได้ ถ้าเกิดพ่อเอาไปเล่น เราอาจจะสบายใจได้เป็นลูกรุจน์ พ่อก็ต้องเขียนบทที่ดีให้เราคงไม่ต้องผ่านความยากลำบากเหล่านั้น เราคงไม่แกร่ง คงไม่มีความพยายามพัฒนาตนมาถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นไม่เล่นก็ไม่เป็นไร ก่อนพ่อจะจากไป พ่อพูดอะไรไว้เยอะแยะมากมายที่ทำให้เรารู้สึกภูมิใจยิ่งกว่าได้เล่นละคร ได้เล่นหนังของพ่อ พ่อก็จะบอกคนอื่นและบอกใหม่ว่าภูมิใจนะที่คุณเกิดมาเป็นลูกผม ผมดีใจจังเลย ใหม่น้ำตาแตก รู้สึกว่าถึงเราจะไม่ได้ทำงานด้วยกันแค่เป็นพ่อ ลูกกัน มันก็ที่สุดแล้ว”

ได้ข่าวว่าคุณแม่หวงถึงขั้นสกีนแฟนให้ ? 

“ใช่ คือแม่ดุมาก ถ้าถามว่าทุกวันนี้ยังหวงไหมใหม่ว่ามันกลายเป็นห่วงมากกว่า เพราะตอนนี้ใหม่ประสบความสำเร็จแล้ว สร้างบ้าน สร้างตัว สร้างฐานะได้”

แล้วคนล่าสุดแม่ว่าไง ? 

“ไม่ว่าไง แม่เขาจะมองเป็นเพื่อน แม่ก็เริ่มโอเค เริ่มมองการกระทำและอะไรหลายๆ อย่าง ใหม่ว่าด้วยวัยด้วยแหละ”




เขาน่ารักยังไง ? 

“ก็เป็นคนดี แล้วก็อยู่กับเราในวันร้ายๆ คือใหม่เชื่อว่ายามดีๆ ใครก็อยู่กับเราได้หมด แต่วันที่เลวร้าย วันที่แย่ที่สุดใครปฏิบัติต่อเรายังไง แล้วเขาก็เป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าคู่กับแม่ใหม่ แล้วดูแลเรื่องงานศพหมดเลย คือวันนั้นถ้าเป็นสายกีตาร์สายมันขาดไปเลย แต่ว่าเขาประกอบให้เราใหม่ ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น” 

ถ้าใช่แบบนี้ทำไมถึงยังไม่เปิดตัว ?

“ใหม่คงเป็นผู้หญิงที่โดนสาปหลายอย่าง จะบอกว่าใหม่ประสบความสำเร็จในด้านของความรักก็ได้ แฟนรักทุกคนเลย แต่ว่ามีอยู่อันนึงถ้าเราบอกเมื่อไหร่ว่าคนนั้นเป็นแฟนเรามันก็จะมีเรื่องราวไม่ดีขึ้นมา หรือตัวเองจะเป็นคนแพ้ใจไปเอง ใหม่ก็เลยรู้สึกว่าที่รักหวือหวา ใหม่ก็ยังอยากมีอยู่ แต่ว่าใหม่เชื่อในยามทุกข์ยาก แล้วอยู่ฝ่าฟันไปด้วยกันเหมือนเพื่อนแท้ เพื่อนตาย อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน แต่ว่าวันนี้คุณดีต่อกันมันก็ดีที่สุดแล้ว”






แล้วอยู่ดีๆ ไปเป็นนักร้องได้ยังไง ? 

“ก็ไปสมัครอีก ก็ไปแคส แต่เป็นการแคสที่ค่อนข้างวีไอพีนิดนึง ก็คือว่ามีหนังเรื่องหนึ่งที่เล่นอยู่ชื่อวัยร็อกเพลงร้อน แล้ววันนั้นบังเอิญไปเจอพี่ “เล็ก บุษบา ดาวเรือง” แล้วสักพักคนก็เรียกไปไหว้พี่เล็ก พี่เล็กก็เลยบอกว่าชอบร้องเพลงเหรอ วันหลังถ้าอยากร้องเพลงมาหาพี่นะ เราก็โทรไปนัด พี่เล็กให้ไปเจอคุณ “ไพบูลย์์ ดำรงชัยธรรม” เราก็เปิดเพลงที่เตรียมมาให้ฟัง เขาก็บอกว่าโอเคอยู่กับเราต้องเซ็นต์ 5 ปีนะ”

แล้วเมื่อ 5 ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น ? 

“ที่บอกว่าจะออกจากวงการใช่มั้ย คือใหม่แค่รู้สึกว่ามันอิ่มตัว แบบไม่ต้องรอคนมาไล่ เราไล่ตัวเราเองนี่แหละ พี่รู้สึกว่าทำมาเยอะไม่เคยหยุดเลยอยากให้อะไรกับตัวเองจริงๆ เคยบอกว่าพี่หนูหยุดปีนึงได้ไหม ไม่ได้ 6 เดือนก็ไม่ได้ งั้นเราคงต้องหยุดตัวเองแล้ว”




เห็นว่ามีร้องไห้กลางฟาสต์ฟู้ดด้วย ? 

“ใช่ๆ ก็นี่แหละจุดชนวน 5 ปี คือแบบว่าเหนื่อยมาก เหนื่อยเจียนตาย ตอนนั้นก็นั่งอยู่ที่พื้นแล้วโทรไปหาแม่บอกว่าแม่ไม่ไหวแล้ว แม่ขายที่ มีอะไรก็ไปขาย เราไม่ต้องทำงานแบบนี้อีกต่อไปแล้ว แม่คงช็อก เพราะเสียงใหม่กรีดร้อง คือตอนนั้นเป็นคอนเสิร์ต 25 ปีใหม่ เจริญปุระ เราเดินออกไปโทรหาแม่ เพราะไม่ไหวแล้วทานข้าวไปน้ำตาตกในชามก๋วยเตี๋ยว คือแบบเหนื่อยจังเลย” 


 






ขอบคุณรูปจากอินสตาแกรม: @maicharoenpura