บินไปแก้เคล็ดกันถึงฮ่องกงหลังโดนซินแสทักว่าจะมีปัญหาหย่าร้างกันสำหรับคู่ของ "ต้าร์-นาวิน เยาวพลกุล" หรือ "นาวิน ต้าร์" กับ "ไฮโซน้ำหวาน" งานนี้พอเจอหนุ่ม "นาวิน ต้าร์ " เลยขอถามถึงเรื่องนี้ พร้อมอัปเดตอาการบาดเจ็บที่สะโพก โดยเจ้าตัวได้เผยว่า
อัปเดตอาการสะโพกร้าวตอนนี้ดีขึ้นแล้ว?
อาการสะโพกกลับมาหายดีเหมือนเดิมแล้ว เริ่มกลับมาวิ่งได้ใหม่ แต่ก็ยังต้อระมัดระวังในเรื่องของการฝึกซ้อมไม่ให้หนักเกินไป ผมก็ทำกายภาพควบคู่กับการฝึกซ้อมไปด้วย ก็ดีใจครับที่ได้มีโอกาสกลับมาวิ่งอีกครั้งหนึ่ง อย่างที่บอกกับน้องๆพี่ๆสื่อมวลชนผมอยากจะกลับมาวิ่งอีกให้ได้ ตอนนี้ถึงเวลานั้นแล้ว ก็ใช้เวลานานมากนะเกือบ 2 ปีที่ไม่ได้วิ่ง แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าเรื่องไหนร่างกายมันต้องใช้เวลาพักผ่อนเพื่อให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม วันนี้ก็รู้สึกดีใจยังมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักอยู่ อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว ดีขนาดที่สามารถที่จะรับปากได้ว่าเดี๋ยวจะไปวิ่งมาราธอนพร้อมๆกับนักกีฬาทีมชาติไทยและเพื่อนๆพี่น้องคนไทยทุกคนที่จะไปร่วมฝึกซ้อมไปวิ่งด้วยกันที่โตเกียว มาราธอน ปีหน้า ถามว่ามันมีอาการเจ็บอยู่ไหม คือผมเจ็บหนักมาพอสมควรนะครับ มันเป็นเรื่อบที่เราต้องบริหารไปด้วยกัน ไม่รู้สึกเลยคงไม่ได้ แต่ผมรู้วิธีในการอยู่ร่วมกับมันแล้วมีสุขภาพที่ดีไปได้ด้วย
ภรรยาเป็นห่วงอย่างไรบ้าง?
เขาก็เป็นห่วงครับ เขาก็จะคอยดุผมอยู่ตลอด อย่าไปวิ่งเยอะ ที่ผ่านมาก็ต้องสู้กันตรงที่ผมเองจะตะบี้ตะบันไปฝึกซ้อม แต่ทางคุณน้ำหวานเขาก็จะคอยเตือน ก็โชคดีที่ได้เขาคอยห้ามผมเอาไว้ เพราะบางทีเวลาตั้งใจทำอะไรจะมุ่งมั่นมุทะลุอยู่อย่างนั้น ก็มีภรรยาคอยช่วยก็ดีเหมือนกันอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นส่วนช่วยในทางอ้อมก็คือลูกสาวน้องลูก้าจะคอยวุ่นวาย ยุ่งอยู่กับผมตลอด ผมก็จะมีโอกาสฝึกซ้อมน้อยลง แต่ตอนนี้ลูกก้าเขาโตขึ้นมากแล้ว เราก็เริ่มที่จะไว้ใจให้เขาอยู่คนเดียวได้ เราสามารถปล่อยได้ประมาณหนึ่ง ผมก็มีโอกาสกลับไปฝึกซ้อมได้ใหม่
เรื่องที่มีซินแสทักเรื่องครอบครัว เราไปแก้เคล็ดที่ฮ่องกงมาด้วย?
(หัวเราะ) จริงๆแล้วเรื่องซินแสที่เขาทักมานะครับ ผมเองก็คงขำๆครับ เป็นเรื่องขำๆมากกว่า เขาก็ทักว่าจะมีปัญหาเรื่องการหย่าร้างอะไรแบบนี้ พอดีเราไปเที่ยวฮ่องกงพอดีเลยได้มีโอกาสถือว่าไปไหว้พระและแก้เคล็ดไปเลยทีเดียว ผมมองว่ามันเป็นเรื่องดีมากกว่าที่ทำให้เราได้ระมัดระวังในการครองชีวิตคู่มันไม่ใช่เรื่องง่าย มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญด้วยที่คนสองคนจะมาอยู่ร่วมกัน เพราะเราถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน จริงๆเรื่องกระทบกระทั่งมันต้องมีบ้าง มันเป็นเรื่องที่เราสองคนพยายามจะอยู่ร่วมกัน รวมถึงความพยายามบางทีก็ต้องพึ่งความเชื่อ พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์พึ่งทุกอย่าง นอกเหนือไปจากเราด้วย เป็นเรื่องที่ผมคิดว่ามันก็ขำๆดี แล้วผมก็พร้อมนะครับถ้าเกิดจะมีหมอดูคนไหนมาทักอีก ผมก็พร้อมที่จะแก้เคล็ดอยู่เสมอครับ (หัวเราะ)
เรากับภรรยาใครเชื่อมากกว่ากัน?
ผมคิดว่าพอๆกันครับ เราเลยตกลงกันได้ว่าจะไปแก้เคล็ดด้วยกัน จริงๆแล้วถือโอกาสไปเที่ยวด้วย
ได้ทำตามที่ชินแสบอกเลยไหม?
คือผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะครับว่าบางทีมันต้องเอาอันนี้ไปวางตรงโน้น เอาอันโน้นไปทำตรงนี้ ผมก็ทำตามเขาไปเรื่อย เอาเป็นว่าถ้าทำไปแล้วทำให้ภรรยาของผมสบายใจ ผมก็คงต้องทำนะครับ โดยที่บางทีเราเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย เข้าใจหรือไม่เข้าใจ ผลที่ได้ก็คือทำให้เขาสบายใจ ผมก็คงต้องทำมันก็คือชีวิตคู่ถูกไหมครับ จริงๆแล้วมันก็เป็นแบบฝึกหัดง่ายๆที่คิดว่าคุณสามีที่ดีๆทุกคนก็ควรจะต้องทำให้ภรรยาสยายใจ ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม
แบบนี้จะปั๊มน้องให้น้องลูก้าต่อเลยไหม?
ใช่ครับ ผมก็แก้เคล็ดด้วยการตั้งตัวว่าเดี๋ยวเราจะมีน้องอีกคนไปเลย ผมก็แก้เคล็ดด้วยวิธีแบบนี้แหละครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เคล็ดมากขึ้นหรือเปล่า (หัวเราะ) ตอนนี้เราตั้งใจที่จะมีกันแล้ว แต่สิ่งเดียวที่รอคือน้องลูก้านี่แหละ เพราะน้องลูก้ายิงกินนมอยู่เลย และคุณน้ำหวานก็ยังให้นมเขาอยู่ ยังปั๊มนมอยู่ ถ้าคุณแม่ยังปั๊มนมอยู่ก็มีโอกาสน้อยลงสักหน่อยที่จะมีลูกคนต่อไป ผมก็รอตรงนี้ กำลังจ้องรอดูหาโอกาสที่ดี เดี๋ยวรับรองหายเคล็ดเลย (หัวเราะ)
จะมีปีนี้เลยไหม?
คือเราก็อยากจะมีภายในปีนี้นะครับ ถ้ามีได้ก็ยิ่งดี แต่ถ้าไม่ทันก็คือว่าน่าจะปีหน้า อยากให้ลูกเขาเกิดมาใกล้ๆกันจะได้เล่นกันได้
อยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย?
ตอนนี้กลายเป็นว่ากลับกันนะ คือลูกคนแรกน้ำหวานอยากได้ผู้ชาย น้ำหวานอยากได้ผู้หญิง เราก็ได้ลูกสาวมา คนที่สองผมอยากได้ลูกชาย ผมมีลูกสาวแล้ว แต่คุณน้ำหวานอยากมีลูกสาวอีกคน ผมก็งงว่าเราจะแย้งกันได้ตลอด แต่ไม่ว่าลูกจะเพศอะไร ผมว่าให้เขามีเพื่อน มีพี่น้องมันเป็นเรื่องดีทั้งนั้น
