เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ 4 ลำ รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ ตกเป็นเป้าหมายโจมตี “ก่อวินาศกรรม” ในทะเลอ่าวโอมาน นอกชายฝั่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี เมื่อเช้าวันอาทิตย์ เบื้องต้นยังไม่ทราบเป็นฝีมือใคร โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐที่ส่งกองเรือรบชุดใหญ่เข้าไปในน่านน้ำอ่าวเปอร์เซีย
เหตุเกิดใกล้ท่าเรือฟูไจราห์ของยูเออี นอกช่องแคบฮอร์มุซ แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ขณะที่ทางการซาอุดีอาระเบียแถลงยืนยันว่า เรือบรรทุกน้ำมันของซาอุฯ 2 ลำ ได้รับความเสียหาย “หนัก” ส่วนเรืออีก 2 ลำเป็นเรือสินค้าจดทะเบียนนอร์เวย์ และยูเออี
อิหร่าน ซึ่งมีเขตแดนติดช่องแคบฮอร์มุซ เรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์อย่างเต็มที่
ความตึงเครียดกำลังสูงขึ้นในตะวันออกกลาง ที่ซึ่ง 1 ใน 5 ของน้ำมันที่บริโภคทั่วโลกขนส่งผ่าน เดือนที่แล้วอิหร่านประกาศจะ “ปิด” ช่องแคบฮอร์มุซ หากอิหร่านถูกขวางไม่ให้ใช้เส้นทางนี้ส่งออกน้ำมัน
สหรัฐส่งกองเรือรบบรรทุกเครื่องบิน และฝูงบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ บี-52 เข้าสู่ภูมิภาค ในระยะหลายวันที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านสิ่งที่สหรัฐเรียกว่า “สิ่งบ่งชี้ชัดเจน” เกี่ยวกับภัยคุกคามจากอิหร่าน ที่มีต่อกองกำลังสหรัฐและการจราจรทางทะเล ซึ่งอิหร่านตอบโต้ว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้สาระ
เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐเผยต่อสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ ว่า ตามคำร้องขอของรัฐบาลยูเออี สหรัฐได้ส่งทีมงานสอบสวนที่มีประสบการณ์ เดินทางไปช่วยตรวจสอบความเสียหาย จากการโจมตีเรือสินค้าทั้ง 4 ลำ ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ออกเดินทางด่วนโดยไม่มีกำหนดการล่วงหน้าเมื่อวันจันทร์ (13 พ.ค.) ไปยังกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงเบลเยี่ยม ที่ตั้งสำนักงานใหญ่สหภาพยุโรป หรือ อียู เพื่อหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของ 28 ประเทศเครือข่ายอียู เกี่ยวกับอิหร่าน