พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ต่อกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองชี้ขัดต่อหลักสากลทั้งเรื่องของการพิจารณาลับหลัง และเรื่องอายุความ ...
เมื่อวันที่ 18 ก.ค.พรรคเพื่อไทย นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์
รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่าง
พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่ากฎหมายดังกล่าวอาจขัดต่อหลักสากลและอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญได้
นายชูศักดิ์ ศิรินิล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย
กล่าวว่า การให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีลับหลังจำเลยและการตรากฎหมายย้อนหลังที่เป็นโทษกับบุคคล
ถือว่าเป็นความไม่เสมอกันในกฎหมาย การยกเว้นไม่นำหลักเรื่องอายุความมาใช้บังคับกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองล้วนมีเจตนารมย์ไม่ต้องการให้นำคดีมาว่ากล่าวกันอีกครั้ง นอกจากนี้ การกำหนดให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้
โดยไม่ต้องมีตัวจำเลยมาศาลมีความต่างไปจากการพิจารณาคดีอาญาทั่วไป
ซึ่งผู้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือ ข้าราชการ กลับมีการพิจารณาเปิดเผย
ในขณะที่นักการเมืองกลับมีการพิจารณาลับหลัง เป็นการขัดต่อหลักนิติธรรม
ทั้งนี้ การมีผลย้อนหลังเป็นโทษต่อบุคคล
แม้จะอ้างว่าเป็นเรื่องของวิธีพิจารณาแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะว่าเรื่องอายุความ
หากบัญญัติกฎหมายฉบับใหม่ย้อนหลังไปใช้บังคับอันมีลักษณะเป็นการจำกัดตัดสิทธิจำเลยเพื่อทำให้จำเลยเสียเปรียบในคดีอาญา
อย่างไรก็ตาม การที่
สนช.มองว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อจำเลย ซึ่งจำเลยสามารถขอรื้อคดีได้นั้น
นายชูศักดิ์ มองว่า หลักการสำคัญคือ หลักสากลไม่มีกรณีการดำเนินคดีย้อนหลัง
ในขณะที่การรื้อคดีก็มีในกฎหมายปี 2524 ซึ่งเป็นสิทธิที่ทุกคนสามารถทำได้
แต่กฎหมายที่ออกมาเป็นลักษณะของการเจาะจงเฉพาะนักการเมือง
แม้ที่ผ่านมามีนักการเมืองต้องคดีแล้วหนีไปต่างประเทศนั้น เห็นว่า คดีฆ่าคนตาย
ก็ยังคงยึดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา
แต่คดีทุจริตทางการเมืองกลับยกเว้นเรื่องอายุความ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการเลือกปฏิบัติ
ดังนั้น ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน