ร้องทุกข์! ลูกชายติดคุก 4 วัน ดับปริศนา!

2019-04-21 13:35:25

ร้องทุกข์! ลูกชายติดคุก 4 วัน ดับปริศนา!

Advertisement

แม่ร้องทุกข์ลูกชายติดคุกแทนค่าปรับ 4 วันดับปริศนามีรอยถูกทุบทั้งตัว ประกาศไม่เผาศพจนกว่าจะได้ตัวคนผิดมารับโทษตามกฏหมายเตรียมแห่ศพไปร้องทุกข์ที่ศาลากลางจังหวัด

วันที่ 21 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 23 ม.9 บ้านนิคมหนองฉลอง ต.หนองฉลอง อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ นางสุรินทร์ เกษหอม อายุ 62 ปี ได้ร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่า ลูกชายของตนคือ นายพรหมปัญญา เกษหอม อายุ 40 ปี ถูกจับข้อหาเมาแล้วขับ เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตราย ในเขตพื้นที่ สภ.ปรือใหญ่ ต่อมาวันที่ 15 เม.ย.ได้ถูกส่งตัวไปศาลจังหวัดศรีสะเกษโดยศาลสั่งปรับข้อหาเมาแล้วขับเป็นจำนวนเงิน 6,000 บาท แต่ทางครอบครัวมีฐานะยากจนไม่มีเงินเสียค่าปรับจึงได้ติดคุกแทนค่าปรับ ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. ต่อมาเช้าวันที่ 18 เม.ย. นางเทวรรณ์ แสนสะอาด ผู้ใหญ่บ้านนิคมหนองฉลอง ม.9 ได้รับแจ้งจาก สภ.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ให้ไปแจ้งญาติด้วยว่า นายพรหมปัญญา เกษหอม ขณะที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำศรีสะเกษแทนค่าปรับ ตอนนี้ได้เสียชีวิตแล้วที่เรือนจำศรีสะเกษ

นางสุรินทร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยต่อไปว่า ตนและญาติจึงได้ไปติดต่อขอรับศพของนายพรหมปัญญา ที่เรือนจำศรีสะเกษ แต่ว่าทางเรือนจำแจ้งว่าให้ญาติไปติดต่อรับศพได้ที่ รพ.ศรีสะเกษ ตนและญาติจึงสอบถามเจ้าหน้าที่เรือนจำถึงสาเหตุการเสียชีวิตเพราะสาเหตุใด เจ้าหน้าที่บอกว่าผู้ตายช็อคหมดสติจึงได้นำส่ง รพ. จากนั้น ตนและญาติจึงได้ไปติดต่อขอรับศพที่ รพ.ศรีสะเกษ ซึ่งเมื่อตนเจอสภาพศพในครั้งแรกพบว่า ศพลูกชายของตนมีสภาพร่างกายบอบช้ำทั่วร่างกาย ใบหน้าปูดบวม ปากเจ่อ ศีรษะบวม และญาติติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ ดังนั้น จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ และขอให้ตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิต




ทางด้าน นางเทวรรณ์ แสนสะอาด ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 บ้านนิคมหนองฉลอง กล่าวว่า ตนได้ไปให้การช่วยเหลือนางสุรินทร์ เนื่องจากว่า เป็นลูกบ้านและเป็นญาติคนหนึ่งด้วย และได้นำนางสุรินทร์ไปร้องขอให้แพทย์ รพ.ศรีสะเกษ นำศพไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชาย และลงความเห็นถึงสาเหตุการตายว่า ศีรษะได้รับการกระทบกระแทกอันตรายรุนแรงและมีรอยคล้ายถูกทำร้ายมีบาดแผลฟกช้ำตามร่างกาย ดังนั้น นางสุรินทร์ และญาติพี่น้องจึงได้ร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต ถ้าหากไม่ได้รับความเป็นธรรม ญาติพี่น้องทุกคนร่วมกับชาวบ้านนิคมหนองฉลอง จะไม่เผาศพของนายพรหมปัญญาและจะแห่ศพไปร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมที่ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมและเจ้าหน้าที่ตามจับคนร้ายที่ทำร้ายนายพรหมปัญญาจนทำให้เสียชีวิตมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป