เกร็ดความรู้ “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” รัชกาลที่ 9

2019-04-18 18:05:26

เกร็ดความรู้  “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” รัชกาลที่ 9

Advertisement

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กำหนดจัดขึ้นระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม พุทธศักราช 2493 โดยก่อนการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีพิธีทำน้ำอภิเษกระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม จารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกรประจำรัชกาล วันที่ 21 เมษายน และการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันที่ 4-8 พฤษภาคม มี 6 ขั้นตอน ดังนี้

1. พิธีทำน้ำอภิเษก ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ต้องเตรียมการทำน้ำอภิเษก ซึ่งกำหนดขึ้นก่อนพระราชพิธี โดยทำพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามโบราณราชประเพณีทั่วราชอาณาจักร และตั้งพิธีเสกน้ำ ณ มหาเจดียสถานและพระอารามสำคัญในส่วนภูมิภาค 18 แห่ง ระหว่างวันที่ 18-19มีนาคม แล้วจึงเชิญมาตั้งไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนกว่าจะถึงวันพระราชพิธี จึงทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ 

2. การจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร การจารึกพระนามใหม่ของพระเจ้าแผ่นดินลงในแผ่นทอง พร้อมกับดวงพระบรมราชสมภพ และแกะงาช้างเป็นพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ประกอบพิธี ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วันที่ 21เมษายน โดยมีโหรหลวงเป็นผู้กำหนดพระฤกษ์พิธีอาลักษณ์ จารึกพระสุพรรณบัฏพระปรมาภิไธย และโหรหลวงจารึกดวงพระบรมราชสมภพ นายช่างแกะ พระราชลัญจกรประจำรัชกาลไปพร้อมกัน ในระหว่างนั้นพระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา พราหมณ์เป่าสังข์ เจ้าพนักงานประโคมแตร สังข์และพิณพาทย์ ตลอดจนเสร็จการจารึก เจ้าพนักงานจะนำพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกรมาประดิษฐานบนธรรมาสน์ศิลาในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

3. ถวายราชสักการะสมเด็จพระบรมราชบุพการี วันที่ 3 พฤษภาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังหอพระธาตุมณเฑียร ในพระบรมมหาราชวังเพื่อถวายราชสักการะพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (ต้นพระบรมราชจักรีวงศ์) พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1ถึงรัชกาลที่ 3 และพระอัฐิสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี สมเด็จพระศรีสุลาลัย




4. การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก การเชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร วันที่ 4 พฤษภาคม พิธีแห่เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร ประจำรัชกาลจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ขึ้นพระราชยานกง นำไปประดิษฐาน ณ พระแท่นมณฑล ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระภิกษุทรงสมณศักดิ์ประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนชนวนพระราชทานเพื่อจุดเครื่องนมัสการบูชา พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงจุดเทียนพระมหามงคล เทียนเท่าพระองค์และธูปเทียนเครื่องนมัสการ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เพื่อทรงนมัสการพระศรีรัตนตรัย เมื่อถึงเวลามหามงคลฤกษ์ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ระหว่างนั้นพราหมณ์ถวายน้ำพระมหาสังข์และใบสมิต (ใบไม้สำหรับปัดสิ่งอัปมงคล ประกอบด้วยใบมะม่วง 25 ใบ ใบทอง 32 ใบ ใบตะขบ 96 ใบ โดยนำใบไม้แต่ละชนิดมัดรวมเป็นช่อ แล้วหุ้มโคนด้วยผ้าขาว) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนชนวนพระราชทานมหาดเล็กพร้อมดอกไม้ธูปเงินเทียนทอง ไปจุดบูชาพระมหาเศวตฉัตร 5 แห่ง ปูชนียสถานและสิ่งสำคัญ 13 แห่ง



5. บรมราชาภิเษก พระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ 5 พฤษภาคม ประกอบด้วยพิธีสรงพระมุรธาภิเษก พิธีถวายน้ำอภิเษก พิธีถวายสิริราชสมบัติ และเครื่องราชกกุธภัณฑ์เสด็จออกมหาสมาคม พิธีสถาปนา สมเด็จพระบรมราชินี พิธีประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภกและพิธีถวายบังคมพระบรมอัฐิ พิธีสรงพระมุรธาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระภูษาเศวตพัสตร์ ทรงสะพักขาวขลิบ ทอง ประทับเหนืออุทุมพรราชอาสน์(ตั่งไม้มะเดื่อ) ภายในมณฑปพระกระยาสนาน เพื่อทรงรับน้ำสรง จากสหัสธารา เวลาพระฤกษ์พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (ก๊าด วัชโรทัย) ไขสหัสธารา จากนั้นสมเด็จ พระสังฆราชถวายน้ำพระพุทธมนต์ด้วยครอบพระกริ่งที่พระปฤษฎางค์ (หลัง) และครอบยันตรนพคุณ ที่พระหัตถ์พระบรมวงศ์ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำพระพุทธมนต์ด้วยพระเต้าเบญจคัพย์ที่พระหัตถ์ พระยา โหราธิบดีทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้านพเคราะห์ให้ทรงรับไปสรงที่พระอังสาซ้าย ขวา พระราชครู พราหมณ์ถวายน้ำพระมหาสังข์ น้ำมนตร์และถวายใบมะตูมทรงทัดและใบกระถินทรงถือ พระยา อนุรักษ์ราชมณเฑียรถวายพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏตามขัตติยราชประเพณี

ขณะทรงสรงพระมุรธาภิเษก พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร มโหระทึกและเครื่องดุริยางค์ ทหารยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค 21 นัด (ตามกำลังวันศุกร์) เฉลิมพระเกียรติ

พิธีถวายน้ำอภิเษก
เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสรงพระมุรธาภิเษกแล้ว เสด็จฯ ไปยัง หอพระสุลาลัยพิมาน ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ เสด็จออกจากหอพระสุลาลัยพิมาน ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประทับ ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์แปรพระพักตร์สู่ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) เป็นปฐม ผู้แทนสมาชิกรัฐสภา ประจำทิศทั้ง 8 ถวายน้ำอภิเษก (เดิมคือราชบัณฑิต และพราหมณ์ถวาย ในรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมาชิกรัฐสภา เป็นนัยแสดงถึง พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย) จากนั้นพระราชครูพราหมณ์ถวายน้ำเทพมนตร์ ถวายพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร



พิธีถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณพระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตรเพื่อทรงรับพระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธยเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องบรมขัตติยราชวราภรณ์ เครื่องขัตติยราชูปโภค และพระแสงราชศัสตราวุธ ทรงรับและทรงวางไว้บนโต๊ะ 2ข้าง พระที่นั่งภัทรบิฐ ทรงสวมพระมหาพิชัยมงกุฎ จากนั้นมีพระปฐมบรมราชโองการพระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทย ทรงหลั่งทักษิโณทก ตั้งพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ปกครองราชอาณาจักรด้วยทศพิธราชธรรม จริยาเสด็จฯไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงประเคน จตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ 80 รูป พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรกและถวายพระพรลา เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระสงฆ์ดับเทียนชัย เป็นเสร็จพิธี

อนึ่ง ขณะที่พระราชครูวามเทพมุนีทูลเกล้าฯ ถวายพระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธย พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์บัณเฑาะว์ ฆ้องชัย มโหระทึก และดุริยางค์ กองทหารถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารกองแก้วจินดายิงปืน มหาฤกษ์มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค 21 นัดตามลังวัน (วันศุกร์) ทหารบก ทหารเรือยิงปืนใหญ่ เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 101 นัด พระสงฆ์ในพระอารามหลวงทั่วราชอาณาจักร ย่ำระฆังถวาย ชัยมงคล อารามละ 7 ลา และเครื่องบินกองทัพอากาศบินโปรยดอกไม้

เสด็จออกมหาสมาคม เวลาบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องบรมขัตติยราช ภูษิตาภรณ์ ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ บนพระราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงรับการถวายพระพร ชัยมงคลจากคณะรัฐมนตรีทูตานุทูต สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และข้าราชการแล้ว มีพระราชดำรัสตอบ

อนึ่ง ในการเสด็จออกมหาสมาคม เจ้าหน้าที่เชิญพระราชพาหนะมาเทียบที่เกย และท่าน้ำตามโบราณราชประเพณี ได้แก่ พระที่นั่งราเชนทรยาน พระยาช้างต้น เทียบที่เกยหน้าพระที่นั่ง ดุสิดาภิรมย์ พระยาม้าต้น เทียบที่สนามหญ้าหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้า อัฒจันทร์พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เทียบที่ท่าราชวรดิฐ



พิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับเหนือพระที่นั่ง ภัทรบิฐ ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ อาลักษณ์อ่านประกาศกระแส พระบรมราชโองการสถาปนาสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินี

พิธีประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ฉลองพระองค์ครุย ทรงพระมาลาเส้าสูง ประทับพระราชยานพุดตานทอง เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนราบใหญ่จากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จเข้าสู่พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะ และถวายต้นไม้เงินทองบูชาพระพุทธมหามณี รัตนปฏิมากร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงสมาทานศีล มีพระราชดำรัส ประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภกต่อที่ชุมนุมสงฆ์

พิธีถวายบังคมพระบรมอัฐิ เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนราบใหญ่จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปยังพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เสด็จขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี

6. เฉลิมพระราชมณเฑียร วันที่ 6 พฤษภาคม พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรเป็นพิธีเสด็จขึ้นประทับ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานอันเป็นพระที่นั่งประธานในหมู่พระมหามณเฑียร เปรียบเสมือนการขึ้นบ้านใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลและความร่มเย็นเป็นสุขโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีประทับแรม 1 คืน



เครื่องประกอบพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ประกอบด้วย เครื่องเฉลิมพระราชมณเฑียร และเครื่องราชูปโภค

เครื่องเฉลิมพระราชมณเฑียร
ได้แก่ วิฬาร์(แมว) ศิลาบด พันธุ์พืชมงคล ฟักเขียวกุญแจทอง จั่นหมากทอง ต่อมาสิ่งของสำหรับการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรได้เพิ่มมากขึ้น เช่น ในสมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มใช้พระแส้หางช้างเผือกผู้ สมัยรัชกาลที่ 7 มีการอุ้มไก่ขาวเข้าร่วมพระราชพิธี ผู้อุ้มไก่ขาวจะเป็นผู้เชิญธารพระกรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ทั้งนี้แต่โบราณกำหนดให้ผู้เชิญเครื่องเฉลิมพระราชมณเฑียรเป็นเชื้อพระวงศ์ฝ่ายใน

เครื่องราชูปโภค ประกอบด้วย พระสุพรรณศรี พานพระศรี พานพระโอสถ และพานพระมาลา

ถวายพระพรชัยมงคล วันที่ 7 พฤษภาคม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะทูตและกงสุล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท จากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลและสมาคมต่างๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล ณ ท้องพระโรง พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท และ เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระบรมราชวโรกาสให้ประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล

พิธีเฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราชและตั้งสมณศักดิ์พระราชาคณะ วันที่ 7 พฤษภาคม เสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพิธีเฉลิมพระนามสมเด็จ พระวชิรญาณวงศ์สมเด็จพระสังฆราชและทรงตั้งสมณศักดิ์พระราชาคณะฝ่ายมหานิกายธรรมยุติกนิกาย และรามัญนิกาย จากนั้นพระบรมวงศานุวงศ์คณะรัฐมนตรีและข้าราชการทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ ธูปเทียนแพแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงความจงรักภักดีทรงสดับพระธรรมเทศนา

พิธีสถาปนาฐานันดรศักดิ์พระราชวงศ์ วันที่ 8 พฤษภาคม เสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงสถาปนาฐานันดรศักดิ์พระราชวงศ์

1. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร สถาปนาเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร (ต่อมาสถาปนาเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เมื่อพุทธศักราช 2495)

2. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต สถาปนาเป็น พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภ พฤฒิยากร

3. หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ สถาปนาเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย

4. หม่อมเจ้านักขัตรมงคลกิติยากรสถาปนาเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล (ต่อมาสถาปนาเป็น พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ เมื่อพุทธศักราช 2495)

จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประธานองคมนตรีประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้บังคับการทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียน จากนั้นทรงสดับพระธรรมเทศนาเมื่อสมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เสด็จพระราชดำเนินกลับ เป็นอันเสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

อนึ่ง ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามโบราณราชประเพณี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทั้งทางสถลมารคและทางชลมารค แต่ในรัชกาลที่ 9 มิได้เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร