สั่งฟัน! 4 ข้อหาหนัก “แก๊งโจ๋” ตีกันหน้าห้องฉุกเฉิน

2019-04-15 17:30:04

สั่งฟัน! 4 ข้อหาหนัก “แก๊งโจ๋” ตีกันหน้าห้องฉุกเฉิน

Advertisement

ตำรวจชัยภูมิตามรวบขาโจ๋ไล่ตีกันหน้าห้องฉุกเฉินรพ.ได้เพิ่มยกแก๊งอีก 7 ราย ผู้การฯสั่งฟัน 4 ข้อหาหนัก

เมื่อเวลา 13.32 น.วันที่ 15 เม.ย. สืบเนื่องจากสาเหตุเกิดการทะเลาะวิวาท ภายในงานวันสงกรานต์ อ.แก้งคร้อ ประจําปี 2562 โดยมีชุมชน 7 ชุมชนเข้าร่วม ซึ่งจัดขึ้นระหว่างเวลา 13.00 - 16.30 น. บริเวณซอยสุขาภิบาล 5 อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ โดยทาง จนท.ตร.สภ.แก้งคร้อ ได้จัดกําลังพร้อม จท.อปพร.เข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท พบผู้บาดเจ็บ จํานวน 2 ราย และได้ นําตัววัยรุ่นที่บาดเจ็บส่ง รพ.แก้งคร้อ และต่อมากลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งทะเลาะวิวาทกับผู้บาดเจ็บ ยังได้ยกพวกนับสิบคนตามมาทําร้ายร่างกายและทะเลาะวิวาทกันต่อ ที่บริเวณห้องฉุกเฉิน รพ.แก้งคร้อ จนทำให้ คนไข้ ญาติผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลใน รพ.แก้งคร้อ ต้องวิ่งหลบหนีลูกหลงกันอลหม่านทั้ง รพ. หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ เข้ามาระงับเหตุการณ์ ก่อนกลุ่มวัยรุ่นสลายตัวหลบหนีไปในที่สุด

ด้าน นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผวจ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชัยภูมิ ภายหลังได้รับรายงาน จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดครั้งนี้ทั้งหมดให้ได้โดยเร็วและสั่งการให้นายอําเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางมาตรการเฝ้าระวัง รักษาความปลอดภัยในพื้นที่โดยเฉพาะสถานที่ราชการ รพ.อย่างเข้มงวดให้มากขึ้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอีก โดยเมื่อวันที่ 14เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก้งคร้อ สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย จึงควบคุมตัวส่งดำเนินคดีในข้อหารวมกันทำร้ายร่างการผู้อื่นและบุกรุกสถานที่ราชการ




ล่าสุดวันนี้ 15เม.ย. พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชัยภูมิ ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.สุธีภัทร์ วชิรโชติกุล ผกก.สภ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ว่าได้จับกุมวัยรุ่นทั้งสองกลุ่มที่รวมก่อเหตุเพิ่มอีก 7 ราย รวม 11คน โดยได้รับการติดต่อจากญาติและผู้ปกครองได้พาผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาพบ จนท. จึงควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดส่งดําเนินคดีและแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ก่อเหตุทั้งหมดในครั้งนี้เบื้องต้นรวม 4 ข้อหาหนัก "1.ร่วมกันทําร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2.ร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ และ3. มั่วสุมตั้งแต่10คนขึ้นไปโดยใช้กำลังประทุร้ายผู้อื่น และ4.ทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณหรือสาธารณสถาน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และอ้างว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากความเมาไม่ทันยั้งคิดหลังถูกสังคมรุมประณามหนัก วอนขอความเห็นใจและอยากขอโทษสังคมในครั้งนี้ด้วย