กรมอนามัยชวนพ่อแม่ผู้ปกครองทำความสะอาดช่องปากให้ทารกและแปรงฟันลูกตั้งแต่ฟันขึ้นซี่แรก โดยใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ พร้อมพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันทุก 6 เดือน
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีเด็กอายุ 4 ขวบ ฟันผุ 18 ซี่จาก 20 ซี่ ซึ่งต้องได้รับการรักษาโดยการถอนฟันทั้งหมด 18 ซี่ ภายใต้การดมยาสลบนั้น สำหรับการเกิดฟันผุในเด็กปฐมวัยเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ โดยหลักคือพฤติกรรมการรับประทานอาหารจุบจิบ โดยเฉพาะอาหารประเภทน้ำตาล และแป้ง รวมถึงการละเลยการทำความสะอาดช่องปาก ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดฟันผุ ผู้ปกครองควรแปรงฟันให้เด็กตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้นด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอนร่วมกับการจำกัดการรับประทานขนมหวาน น้ำหวาน นมหวาน นอกมื้ออาหารหลักไม่ให้เกิน 2 ครั้งต่อวัน และไปพบทันตบุคลากรอย่างสม่ำเสมอทุก 6 เดือน
ด้าน ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผอ.สำนักทันตสาธารณสุข กล่าวเสริมว่า เด็กควรพบทันตแพทย์ตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น หรือไม่เกินอายุ 1 ปี และมาตรวจฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อตรวจฟัน รับคำแนะนำจากทันตแพทย์ และเคลือบฟลูออไรด์ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ผู้ปกครองสามารถตรวจฟันลูกได้เองเบื้องต้น หากพบลักษณะสีขาวขุ่นบริเวณคอฟันซึ่งเป็นรอยฟันผุระยะเริ่มต้น แสดงว่าเด็กมีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุสูง เป็นช่วงวิกฤติก่อนที่รอยโรคเหล่านี้จะลุกลามเป็นรูผุ จนจำเป็นต้องรับการรักษาโดยการอุดฟัน ผู้ปกครองสามารถช่วยหยุดการลุกลามได้ด้วยตนเองโดยการแปรงฟันให้ลูกให้สะอาด เน้นบริเวณคอฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ 1,000 ppm โดยความดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด
“ผู้ปกครองต้องเป็นผู้บีบยาสีฟันให้เด็ก ไม่ให้เด็กบีบยาสีฟันเอง เด็กที่มีอายุต่ำว่า 3 ปี ควรใช้ปริมาณยาสีฟันแค่แตะแปรงพอชื้น เด็กอายุ 3 - 6 ปี ควรบีบยาสีฟันขนาดเท่าเมล็ดถั่วลันเตา หรือตามความกว้างของแปรง และเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป บีบยาสีฟันตามความยาวของหัวแปรงได้ เมื่อแปรงฟันเสร็จแล้วใช้ ผ้าสะอาดชุบน้ำเพื่อเช็ดฟองยาสีฟันออก โดยไม่จำเป็นต้องบ้วนน้ำ หากพบจุดสีดำหรือสีน้ำตาลบนผิวฟันหรือ พบรูฟันผุ ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ก่อนที่รูผุจะลุกลามจนทำให้เกิดการติดเชื้อ จนเด็กปวดฟัน นอกจากนี้ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรใส่ใจในการเลือกขนาดของแปรงสีฟันที่เหมาะสมกับช่วงอายุ ของเด็ก และผ่านเกณฑ์มาตรฐานกรมอนามัย หรือแปรงสีฟันติดดาว” ผอ.สำนักทันตสาธารณสุข กล่าว