“อนุพงษ์” ลั่น 7 วันสงกรานต์ บังคับใช้ ก.ม.เคร่งครัด

2019-04-10 11:45:43

“อนุพงษ์” ลั่น 7 วันสงกรานต์ บังคับใช้ ก.ม.เคร่งครัด

Advertisement

“อนุพงษ์” เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 11-17 เม.ย. ลั่นบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด  คุมเข้มเส้นทางเสี่ยง 


เมื่อวันที่ 10 เม.ย.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประธานกรรมการและ ผอ.ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2562 เปิดเผยว่า รัฐบาลห่วงใยความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงได้มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) บูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ.2562 ในมิติเชิงพื้นที่ ภายใต้แนวคิด “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” มุ่งลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนอย่างรอบด้าน ทั้งด้านคน ยานพาหนะ ถนน และสิ่งแวดล้อม ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด คุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย โดยตรวจจับและปรับในอัตราโทษสูงสุด ควบคู่กับการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกรายกรณีเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงจัดตั้งจุดตรวจในเส้นทางเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งเส้นทางสายหลัก สายรอง และเส้นทางโดยรอบพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ อีกทั้งให้ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนน การบังคับใช้กฎหมาย และการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยผ่านทุกช่องทางสื่อ เพื่อสร้างการรับรู้สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง


รมว.มหาดไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ศปถ. ยังได้กำชับจังหวัดส่งเสริม การเล่นน้ำสงกรานต์ตามประเพณีวิถีไทย พร้อมสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยประจำสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดงาน “midnight สงกรานต์” พื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ และแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ อีกทั้งจัดหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ และส่งต่อผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งนี้ ความร่วมมือของผู้ใช้รถใช้ถนนในการปฏิบัติตามกฎหมายจราจร ขับรถอย่างมีวินัย และมีน้ำใจต่อผู้ร่วมใช้เส้นทาง ถือเป็นสิ่งสำคัญในการลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนและสร้างให้ทุกการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 เต็มเปี่ยมด้วยความสุข และถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย

นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า ศปถ. จะดำเนินการสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มความเข้มข้นในช่วง 7 วันแห่งความปลอดภัย ระหว่างวันที่ 11 – 17 เม.ย. 2562 มุ่งเป้าปิดจุดเสี่ยงในพื้นที่สถิติอุบัติเหตุทางถนนสูง ระดับความเสี่ยงสีแดง 29 อำเภอ และระดับความเสี่ยงสีส้ม 109 อำเภอ ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและชี้เป้าการจัดการความเสี่ยงให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมลดอุบัติเหตุในระดับพื้นที่ โดยประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนในรูปแบบเคาะประตูบ้าน อีกทั้งใช้สถาบันครอบครัวเป็นเครื่องมือในการดูแลความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของคนในบ้าน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสร้างการสัญจรปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562


นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รองประธานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนคนที่ 1 กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ขับเคลื่อนการลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2562 ในลักษณะยึดพื้นที่เป็นตัวตั้ง ผ่านกลไกของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำหน้าที่อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เน้นการเชื่อมโยงการทำงานของชุมชน และอาสาสมัครในการบูรณาการจัดตั้งด่านชุมชนเฝ้าระวังและป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุบนถนนสายรองและถนนเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้าน ควบคู่กับการดูแลความปลอดภัยเส้นทางสัญจรทางน้ำ และความปลอดภัยในการท่องเที่ยว รวมถึงการจัดการหลังเกิดอุบัติเหตุ เพื่อสร้างการสัญจรที่ปลอดภัยในทุกเส้นทาง

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า ศปถ. ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2562 ภายใต้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนตลอดทั้งปี ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการอำนวยการสั่งการ และเชื่อมโยงการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนกับ ศูนย์ปฏิบัติการฯ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการฯ รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยในช่วงวันที่ 11 – 17 เม.ย. 2562 จะมีการประชุมร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการฯ จังหวัด ติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุในพื้นที่ เพื่อวางมาตรการและปรับแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาอุบัติเหตุทางถนนและช่วงเวลาในการเดินทาง ของประชาชนในแต่ละพื้นที่