นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่อง 12 นิวส์ เมื่อวันเสาร์ ก่อนการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาอิสราเอลที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 เมษายนนี้ว่า เขากำลังพิจารณาอย่างเป็นทางการที่จะผนวกเอานิคมชาวยิวหลายแห่งในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ เข้ากับอิสราเอล
เนทันยาฮู ให้คำมั่นควบรวมเอานิคมของอิสราเอลในเขตยึดครองเวสต์แบงก์แน่ หากได้รับการเลือกตั้งอีกสมัยในสัปดาห์หน้า เมื่อถูกถามว่า ทำไมเขาไม่ขยายอธิปไตยของอิสราเอลให้ครอบคลุมนิคมชาวยิวในเวสต์แบงก์ เช่นเดียวกับที่เขาทำกับเยรูซาเลมตะวันออกและที่ราบสูงโกลัน ดินแดนที่อิสราเอลยึดมาจากซีเรียตั้งแต่สงครามตะวันออกกลางเมื่อปี 2510
“ใครบอกว่า พวกเราจะไม่ดำเนินการเช่นนั้น? พวเราอยู่ระหว่างดำเนินการและกำลังหารือกันเกี่ยวกับเรื่องนี้” เนทันยาฮู กล่าว
ปาเลสไตน์ต้องการสถาปนารัฐอิสระของตนเอง ในเขตเวสต์แบงก์, เยรูซาเลมตะวันออกและฉนวนกาซา โดยขณะนี้ มีชาวอิสราเอลประมาณ 5 แสนคน อาศัยอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ และเยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งทั้ง 2 พื้นที่นี้ ก็มีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่รวมกันมากกว่า 2.6 ล้านคน แต่อิสราเอลถอนตัวออกจากกาซาในปี 2548
“นิคมชาวยิวแต่ละแห่งเป็นของอิสราเอล และเขาจะไม่มีวันมอบมันให้เป็นอธิปไตยของปาเลสไตน์แน่นอน” นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวกับนักข่าวอีกว่า เขาจะไม่แบ่งแยกเยรูซาเลม และจะรับรองด้วยว่า เราจะควบคุมดินแดนฝั่งตะวันตกของจอร์แดน
เนทันยาฮู นักการเมืองฝ่ายขวา ยังแสดงความคิดเห็นคัดค้านการแก้ปัญหา 2 รัฐ โดยกล่าวว่า รัฐปาเลสไตน์ จะเป็นอันตรายต่อการมีอยู่ของอิสราเอล
สำหรับการสร้างนิคมชาวยิวถูกมองว่าผิดกฎหมายระหว่างประเทศ แม้ว่าอิสราเอลจะโต้แย้ง และนิคมชาวยิว ก็เป็นประเด็นร้อนที่ขัดแย้งรุนแรงที่สุดในความพยายามที่จะรื้อฟื้นการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ซึ่งหยุดชะงักมาตั้งแต่ปี 2557
หลายประเทศพิจารณาว่า นิคมชาวยิวที่อิสราเอลสร้างขึ้นในดินแดนยึดครองในช่วงสงครามตะวันออกกลางปี 2510 ผิดกฎหมาย แต่อิสราเอลก็อ้างความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ และกล่าวว่า อนาคตของดินแดน ควรจะมีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในการเจรจาสันติภาพกับปาเลสไตน์ ส่วนสหรัฐเองก็ทำลายฉันทามติของนานาชาติที่ยึดถือมาหลายสิบปีเมื่อเดือนที่แล้ว ด้วยการประกาศยอมรับอธิปไตยของอิสราเอลเหนือที่ราบสูงโกลัน ดินแดนที่อิสราเอลยึดมาจากซีเรีย