“ส.ศิวรักษ์” บอกไม่รู้จัก “อุ๊ หฤทัย” ยกพุทธสุภาษิตไม่รับคำด่า คำด่านั้นก็กลับเข้าคนที่ด่าเอง เตือน “อนาคตใหม่” อย่าสาดโคลนกลับ ฝาก ผบ.ทบ.ทำตัวให้น่ารักกว่าพ่อ ดูแลกองทัพให้เป็นกลาง ทหารต้องมีขันติธรรม อย่ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย
เมื่อวันที่ 5 เม.ย. อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักคิด นักเขียนชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้การคุมอำนาจของ คสช. มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ตอนนี้การเลือกตั้งคือข้ออ้างว่าคือประชาธิปไตย ซึ่งไม่ได้แปลกว่าเมื่อเกิดประชาธิปไตยก็ย่อมมีการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันของแต่ละฝ่าย ประชาชนจึงควรมีสติให้มาก ไม่ชอบใครก็อย่าไปด่าทอเขา แต่ก็เข้าใจว่าอยากจะระบายออกมาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นคนฉลาดจะระบายออกมาด้วยสติปัญญามากกว่าอารมณ์
ส.ศิวรักษ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้แม้จะอยู่ในช่วงหลังเลือกตั้งแล้ว แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการสืบทอดอำนาจต่อไปเพราะระบบการเลือกตั้ง มีการวางแผนไว้แล้ว และที่น่าเศร้าคือ กกต.หลายคนไม่มีกระดูกสันหลัง สั่งให้ทำอะไรก็ทำ นอกจากนี้ไม่มีแม้แต่นักวิชาการที่กล้าหาญ มีแต่นิติกรที่รับใช้เผด็จการ น่าเสียดายที่ทุกวันนี้คนไม่เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
อ.สุลักษณ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ตนมองว่า บ้านเมืองที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยทหารจะไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเลย เช่น อินเดีย อังกฤษ ตนอยากจะเตือนเพราะเห็นเป็นคนสนิทกัน ซึ่งตนสนิทกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หรือ บิ๊กจ๊อด พ่อของ ผบ.ทบ. ก็หวังว่าจะทำตัวให้น่ารักกว่าพ่อ ดูแลกองทัพให้เป็นกลาง ทหารต้องมีขันติธรรม อย่ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย
สำหรับพรรคอนาคตใหม่ อ.สุลักษณ์ กล่าวว่า เสียงที่พรรคได้รับจากประชาชนก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อยู่แล้ว แต่ควรให้โอกาสเขาเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตย หากร่วมมือกับพรรคอื่นๆ เพราะฉะนั้นทหาร ควรใจกว้างอย่าใช้อำนาจทำลายฝั่งตรงข้าม ซึ่งตนขอเตือนพรรคอนาคตใหม่ว่าหากขณะนี้กำลังถูกโจมตี ให้ถือว่าเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตยแต่ถ้าโดนสาดโคลนสิ่งที่ไม่เป็นจริง ให้เอาความจริงมาสู้ ขอให้อดทนด้วยสัจจะ และอย่ากระตือรือร้นที่จะจัดตั้งรัฐบาลมากนัก
เมื่อถามถึงกรณีที่ อุ๊ หฤทัย นักร้องชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กตำหนิ อ.สุลักษณ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้จัก หากอยากจะด่าตนก็ด่าได้ตนไม่ขอตอบกลับ พร้อมทั้งยกพุทธสุภาษิตครั้งที่พระพุทธเจ้าสอนพราหมณ์ ซึ่งหากไม่รับคำด่า คำด่านั้นก็กลับเข้าคนที่ด่าเอง