ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 10 ปี “ปาเกียวเมืองไทย” ปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา10 เป็นโจทก์ฟ้องนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือ “ปาเกียวเมืองไทย” อดีตประธานสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจ เป็นจำเลยในความผิดฐานปลอมและใช้ตั๋วแลกเงินปลอม ระหว่างปี 2556-2557 มูลค่า 3,200 ล้านบาท โดยจำเลยกับบริษัท บิลเลี่ยน อิโนเวเทค กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันปลอมตั๋วแลกเป็นหลักทรัพย์ประกันเงินกู้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กระทรวงศึกษาธิการ โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2561 ลงโทษจำคุก นายสัมฤทธิ์ เป็นเวลา 10 ปี ภายหลังฝ่ายจำเลยยื่นอุทธรณ์อ้างว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องแต่อย่างใด
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า การที่จำเลยอ้างว่าลาออกจาก บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ปรากฏว่าหลังจากลาออกไปแล้วนั้น ยังพบว่ามีการโอนเงินจากบริษัทเข้ามายังบัญชีจำเลยซึ่งเป็นเงินจาก ชพค. หลายล้านบาทอยู่ ดังนั้นการลาออกจึงเป็นการสร้างพยานหลักฐานไว้เท่านั้น เชื่อว่าจำเลยยังคงมีส่วนร่วมรู้เห็นกับบริษัทเช่นเดิม ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน