"ศรีสุวรรณ"จ่อยื่น กกต.สอบ "ธนาธร "รอบสองกรณีโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ออกแถลงการณ์ กรณีข้อสงสัยเรื่องการถือหุ้นของตนในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยอ้างว่าตนได้โอนหุ้นดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยทำเป็นหนังสือตราสารโอนหุ้น ระหว่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้โอน กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้รับโอน ฉบับลงวันที่ 8 ม.ค. 2562 โดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคน พร้อมนี้ ผู้โอนและผู้รับโอน กับพยานทั้งสองคน ได้ลงลายมือชื่อในตราสารโอนหุ้นดังกล่าวต่อหน้าทนายความผู้ทำคำรับรอง (ทนายความโนตารี) ในวันเดียวกันนี้ คุณสมพรได้ชำระเงินค่าหุ้นให้แก่ผมด้วยเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาถนนบางนา-ตราด (เซ็นทรัลซิตี้) ขีดคร่อมผู้ถือ (A/C PAYEE ONLY) ฉบับลงวันที่ 8 ม.ค. 2562 สั่งจ่าย “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นเงินจำนวน 6,750,000 บาทแล้วนั้น
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าว ยังไม่อาจเชื่อได้ทั้งหมดว่าจะเป็นแถลงที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องทำความจริงให้ปรากฏ โดยเฉพาะยังมีข้อพิรุธและข้อสงสัยอีกมากมายที่สมาคมฯจำต้องนำความพร้อมข้อมูลไปร้องเรียนเพิ่มเติมให้ กกต. ไต่สวน สอบสวนและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม อาทิ ข้ออ้างว่ามีการจ่ายเช็คชำระเงินค่าหุ้นให้คุณธนาธรและภรรยาแล้วนั้น มีการนำเช็คไปขึ้นเงินจริงหรือไม่ ในบัญชีธนาคารของคุณสมพร มีการถ่ายโอนเงินตามเช็คเข้าบัญชีของคุณธนาธรและบัญชีภรรยาจริงหรือไม่ มีสเตทเม้นท์ยืนยันหรือไม่ เพราะการเขียนเช็คนั้นจะเขียนขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นจึงต้องพิสูจน์นิติกรรมการเคลื่อนไหวทางบัญชีของทั้งสามคนว่าสอดคล้องต้องกันหรือไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ยังมีประเด็นที่นายธนาธรอ้างว่า นางสมพรได้โอนหุ้นต่อไปให้หลาน 2 คนตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. 2562 แล้วแต่เหตุใดหลานทั้ง 2 คนจึงโอนหุ้นกลับมาให้คุณสมพรอีกในวันที่ 21 มี.ค. 2562 นิติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ มีการชำระเงินกันจริงหรือไม่ มีสเตทเม้นท์ยืนยันระหว่างคุณสมพรกับหลานหรือไม่ และหลานทั้งสองมีอำนาจทำนิติกรรมได้หรือไม่ หรือเป็นเพียงการสร้างพยานหลักฐานขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างแก้ต่างกรณีถูกจับพิรุธในการประชุมกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2562 ว่าเหตุใดยังคงมีกรรมการจำนวน 10 คนมาประชุมกัน ทั้งนี้ยังมีอีกข้อพิรุธอีกมากมายที่สมาคมฯจำต้องนำความพร้อมข้อมูลหลักฐานไปยื่นร้องต่อ กกต.เพิ่มเติมเพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบ สวนว่าการกระทำดังกล่าวของนายธนาธร เข้าข่ายความผิดตาม ม.98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่ โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันศุกร์ที่ 5 เม.ย. 2562 เวลา 13.00 น. ณ สำนักงาน กกต.