ถอยหลังแล้วตั้งสติ "ทิม" ขอ "ต่าย" คุยกันแบบผู้ใหญ่ ไม่ทนปัญหาลุกลามลูกสาว

2019-03-31 18:40:31

ถอยหลังแล้วตั้งสติ "ทิม" ขอ "ต่าย" คุยกันแบบผู้ใหญ่ ไม่ทนปัญหาลุกลามลูกสาว

Advertisement

ปัญหาครอบครัวเราจะเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวมันคงเป็นไปไม่ได้ เมื่อเรื่องรักกลายเป็นเรื่องร้างของสองเราไปแล้ว ต่อจากนี้คงต้องเอาลูกขึ้นมาเป็นตัวตั้ง พักรบกันเพื่อหันหลังมองปัญหาแล้วจัดการแก้ไข ไม่ว่าทางตันนั้นจะเป็นอย่างไร มันคือเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ใช่ลูกที่ต้องตกที่นั่งลำบากไปด้วยอีกคน ... "ทิม" วอน "ต่าย" คุยกันอย่างมีสติ ไม่ขอทนปัญหากระทบบานปลายถึง "น้องพิพิม" ... 



"ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ตั้งโต๊ะใหญ่แถลงข่าวเคลียร์ปัญหาดราม่าแย้งลูก หลังจากอดีตภรรยา "ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ" โพสต์ตามหา "น้องพิพิม" ลูกสาว เพราะติดต่อทิมไม่ได้ จนตัดสินใจขึ้นโรงพักเข้าแจ้งความ ก่อนที่นักการเมืองหนุ่มทิมโพสต์อินสตาแกรมชี้แจงปัญหา โดยอ้างคำสั่งศาลเป็นเหตุผลหลัก






ทิมเผยว่า “พยายามเต็มที่แล้ว 12-13 เดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะพูดคุยกันเอง พูดคุยโดยมีผู้ใหญ่ แต่ไม่สำเร็จ บทบาทการเป็นสามีภรรยาต้องยุติ แต่ยังเป็นตามกฎหมายเพราะยังไม่จดทะเบียนหย่า ไปต่อไม่ได้ก็ต้องยอมรับแล้วมองอนาคต ถึงบทบาทการเป็นสามีภรรยาไม่ได้ไปต่อ แต่ความเป็นพ่อแม่ยังมีอยู่ แล้วหวังอยากเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ช่วยกันเลี้ยงลูก”





“สิ่งที่โฟกัส ต้องการดูแลพิพิมอย่างมีเสถียรภาพ สิทธิของเด็กเขาอาจไม่อยากอยู่บนความขัดแย้งของพ่อแม่หรือในสื่อ สิ่งเดียวที่ห่วงมากที่สุดคือลูก ถ้านึกถึงหัวใจกระดาษของเด็กอายุ 2-3 ขวบมันเกินไป(เสียงสั่น) พิพิมได้รับผลกระทบจากความผิดของพ่อและแม่ คงปล่อยให้ลูกมารับกรรมจากความไม่เข้าใจของผู้ใหญ่ ไม่ได้ การที่ต้องเก็บกระเป๋าย้ายบ้านทุกๆ 5 วันจะสร้างความสับสนแค่ไหน ผมพยายามพูดคุยกับคุณแม่เขาว่าช่วยกำหนดวิธีเลี้ยงลูกให้มีเสถียรภาพ เราจดทะเบียนกัน สิทธิ์การเลี้ยงดูบุตร 50-50 ถ้าคุณแม่เขาไม่ยอม จะเอาลูกไปเราก็ต้องอนุญาต แต่พอมีผลกระทบกับลูกคงต้องหยุด พยายามคุยแต่ไม่สำเร็จ ถึงจุดต้องเลือก เลยตัดสินใจฟ้องหย่าเมื่อพ.ย.ที่ผ่านมา”





“ความขัดแย้งที่สอง ผมสมัครเรียนโรงเรียนนานาชาติแถวสุขุมวิทให้ลูก สอนเหมือนฝรั่งแต่วินัยแบบญี่ปุ่น ผมชอบและคิดว่าคุณต่ายน่าจะชอบ เพราะเขาชอบอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่น สมัครไปตั้งแต่พ.ย.ปีที่แล้ว ลูกกำลังจะเริ่มเรียน แต่ช่วงก.พ.ที่ผ่านมาคุณต่ายได้ไปสมัครอีกโรงเรียน ใครจะรับผิดชอบกับความสับสนของลูกที่มี 2 โรงเรียน”



“ย้อนถึงเหตุการณ์วันนั้น ผมอยู่กับทนาย นัดเขามาคุยกัน 2 เรื่อง เรื่องยุติการย้ายลูกไปมา กับเรื่องโรงเรียนลูก แต่คุยปัญหาพ่อกับแม่แล้วลูกนั่งอยู่ตรงกลางห้างไม่เหมาะ เลยตั้งใจยกพิพิมออกจากความขัดแย้ง เลยตัดสินใจและบอกว่าแบตฯ กำลังหมด ไม่ใช่ปิดเครื่องหนี มีอะไรให้โทร.หาทนาย แต่ผมไม่ได้ชี้แจงกับทนายผม (หัวเราะ) เขาก็โทร.หาคนรถผม ซึ่งก็บอกว่าไปส่งตั้งแต่ 6 โมงเย็นและผม ติดธุระ กว่าจะได้ชาร์จแบตฯ ก็เป็นเรื่องไปแล้ว ต้องขอโทษ พอกลับมาจะเคลียร์ต่อกลายเป็นเรื่องใหญ่ เริ่มคุยกันไม่ได้”





คนมองว่าเอาลูกเป็นตัวต่อรอง “ด้วยรักลูกทั้งคู่ ในอนาคตที่ พูดคุยกัน สิ่งที่เสนอไปคือเอากองเชียร์ออกทั้ง 2 ฝ่าย ทำยังไง ไม่ให้กระทบลูก ขอเป็นเราสองคนนั่งคุยกันแบบมีสติ ถ้ายังไม่ได้ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการของศาลก็ได้”

ศาลตัดสินแล้ว เขายังมีสิทธิ์ในตัวลูกไหม “ตามเอกสารนี้ว่าผมมีสิทธิ์” หลังจากนี้วางแผนเลี้ยงลูกยังไง “ต้องวางแผนร่วมกับเขา”



เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวได้คิดภาพไว้ไหม “ผมว่าคุณแม่เป็นส่วนสำคัญในชีวิตพิพิม ยังไงคุณต่ายก็ต้องเข้ามาดู ต้องหาวิธีที่ทำให้เกิดเสถียรภาพมากขึ้น แต่ถ้าคำถามที่ว่าต้องเลี้ยงเดี่ยว ผมไม่มีปัญหา”



ยังอยากให้ต่ายอยู่ในช่วงชีวิตของลูกในฐานะแม่ “แน่นอน”



ณ วันนี้ยังรักต่ายไหม “คงเป็นความหวังดีที่มีต่อกัน บทบาทสามีภรรยาคงต้องยุติ ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกัน คอยดูแลช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันในลักษณะนั้นมากกว่า”

ต่ายยังเข้า-ออกบ้านได้ “ใช่ครับ เพราะเป็นสินสมรสของเขา”



เตรียมใจไหมถ้าตกลงกันไม่ได้ “ตามกระบวนการศาลอยู่แล้ว”

อยากฝากอะไรถึงต่าย “มานั่งคุยกันเถอะ สองคน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ อยากให้มีสติเยอะๆ พูดคุยกำหนดวิธีอยู่กันอย่างมีเสถียรภาพ จุดยืนที่ชี้แจงไป ชัดเจนว่าความมั่นคงทางอารมณ์ของลูกสำคัญที่สุด ถ้าอะไรทำให้เกิดปัญหากับลูก คงยอมให้ไม่ได้แล้ว”