รวบ! เจ้าของบริษัทกาแฟฯ ฉ้อโกง 3 พันล้าน

2019-03-31 13:10:05

รวบ! เจ้าของบริษัทกาแฟฯ   ฉ้อโกง 3 พันล้าน

Advertisement

"บิ๊กโจ๊ก" แถลง รวบเจ้าของบริษัทกาแฟแคชแบ็ค ร่วมกันฉ้อโกงมูลค่าความเสียหายกว่า 3 พันล้านบาท

วันที่ 31 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ปฎิบัติการ กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รอง ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมตำรวจ สตม.และตำรวจท่องเที่ยว ชุด ศปอส.ตร. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวนายกิตติกร หรือกร วรรณวสุธรอายุ 61 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตโดยการหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยจับกุมผู้ร่วมกระบวนการได้จำนวน 8 คน โดยจับกุมได้ในขณะที่หลบหนีไปกบดานในประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ เครือข่ายแชร์ลูกโซ่บริษัท กาแฟ แคชแบ็ค จำกัด ได้เปิดบริษัทขึ้นมาเพื่อหลอกลวงให้ประชาชนมาร่วมลงทุนโดยการชักชวนสมัครสมาชิกทางเว็ปไซค์ WWW.cofcashback.com โดยเสนอผลตอบแทน 2-3.5 % ต่อวัน จ่ายผลตอบแทน 30 วัน รวมทุนบวกกำไร โดยแบ่งจ่าย 8 งวด ทุกวันที่ 5-10-15-20-25-30 ของเดือน ลงทุนขั้นต่ำ 1 พันบาท หรือจะให้ผลตอบแทนมากถึง 105 % ต่อเดือน ซึ่งมีการจัดแถลงข่าวเปิดตัวบริษัทต่อสื่อมวลชนหลายแขนง โดยอ้างหน่วยงานราชการ ทั้งกระทรวงพาณิชย์, ปปง.,ดีเอสไอ และกรมสรรพากร เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ มีประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อร่วมลงทุนด้วยหลายพันราย และร่วมสมัครสมาชิกกว่า 86,000 บัญชี มูลค่าความเสียหายกว่า 3 พันล้านบาท แต่หลังจากเปิดบริษัทได้เพียง 2 เดือน ก็ได้ปิดบริษัทหอบทรัพย์สินหลบหนีไป ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้วกว่า 1 พันราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมกระบวนการได้แล้วจำนวน 8 ราย ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น




ล่าสุดเหลือเพียงนายกิตติกร วรรณวสุธร อายุ 61 ปี และ น.ส.สิรวัญพร หรือภู่ ไชยวัชรคุปต์ อายุ 53 ปี สองตัวการใหญ่ที่หลบหนีไปกบดานในประเทศเวียดนาม เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับ นายกิตติกร และ น.ส.สิรวัญพร ก่อนที่จะประสานความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนาม ออกไล่ล่าติดตามจับกุมตัวนายกิตติกร เอาไว้ได้เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วน น.ส.สิรวัญพร ได้ไหวตัวทันหลบหนีการจับกุมตัวไปได้ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตัวอยู่ จากนั้นจึงได้ประสานส่งตัวนายกิตติกร กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและทีมงาน ได้เดินทางไปรับตัวนายกิตติกร ผู้ต้องหารายนี้ด้วยตัวเอง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า ฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ก่อนควบคุมตัวนายกิตติกร ไปควบคุมที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อทำการสอบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัว น.ส.สิรวัญพร มาดำเนินคดีตามกฎหมาย



ขณะเดียวกัน มีผู้เสียหายกว่า 30 รายที่ทราบข่าวว่าจับกุมตัวนายกิตติกร ได้แล้วและจะเดินทางกลับมาที่ประเทศไทยจึงได้เดินทางมารอดูหน้าและชี้ยืนยันตัวตนนายกิตติกร ว่าเป็นตัวการใหญ่ในการฉ้อโกงในครั้งนี้พร้อมทั้งนำช่อดอกมามอบขอบคุณให้แก่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและทีมงาน ที่สามารถจับกุมตัวนายกิตติกร ได้ในครั้งนี้