"ธนาธร" ประกาศจุดยืน 4 ข้อ พร้อมสนับสนุนพรรคได้ ส.ส.อันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาล
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 25 มี.ค. ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ภายหลังการแถลงผลคะแนนการเลือกตั้ง อย่างไม่เป็นทางการ ของ กกต. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อม รศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ได้แถลงข่าวทิศทางของพรรคอนาคตใหม่
นายธนาธร กล่าวว่า ขอขอบคุณคะแนนเสียงทั้ง 5.8 ล้านเสียงที่มอบให้พรรคอนาคตใหม่ ทำให้พรรคได้ที่นั่งในสภาฯเกิน 80 ที่นั่ง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถทำได้ทุกภูมิภาค ทุกเขต ไม่ได้แค่ในเขตภาคใต้เท่านั้น นั่นหมายความว่าเรายังทำงานไม่หนักแน่นพอ โดยอนาคตจะทำให้มี ส.ส.ทุกภาคให้ได้ ในวันนี้ถือว่าพรรคเราเป็นพรรคระดับประเทศแล้ว
นายธนาธรได้ แถลงจุดยืน 4 ข้อ คือ 1.หลักการการจัดตั้งรัฐบาลคือนายธนาธรพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแต่พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสนอชื่อนายธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะยืนยันวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เชื่อว่าวินาทีนี้สังคมไทยต้องการยึดหลักความถูกต้อง และจะไม่นำประเด็นนี้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง เพื่อที่จะไม่นำไปสู่เงื่อนไขเดดล็อก พรรคอนาคตใหม่เชื่อว่าพรรคการเมืองที่ได้จำนวนส.ส.เป็นอันดับหนึ่งจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล 2.แนวทางการปิดสวิตซ์ ส.ว. ในสภาล่าง ยืนยันว่ายังเป็นไปได้ เพราะในวันนี้หากยึดตามคะแนนเสียงอย่างไม่เป็นทางการ พปชร. มีเพียงแค่ รปช.และ ปชป. จะร่วมรัฐบาลด้วยเท่านั้น ซึ่งก็จะรวมได้แค่เพียง 122 ที่นั่ง ทั้งนี้เงื่อนไขของการปิดสวิตซ์ ส.ว. ของพรรคต้องน้อยกว่า 124 ที่นั่ง ตนขอเชิญชวนให้นักการเมืองทุกคนที่ยึดหลักประชาธิปไตย ร่วมกันรับรองและเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่สันติที่สุดที่ไม่ทำให้การเมืองวุ่นวาย 3. คือเงื่อนไขการทำเอ็มโอยูกับรัฐบาลชุดใหม่ โดยจะต้องให้สภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 รวมทั้ง ปลดกฎหมายมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญปี2560 ที่ให้ความคุ้มครองการใช้กฎหมายของ คสช. ให้ชอบด้วยกฎหมาย และตัดวงจรรัฐประหาร ปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย 4. ข้อเสนอไปยัง กกต.ให้ออกมาเปิดเผยทุกรายละเอียดของผลคะแนนการเลือกตั้ง ของทุกหน่วยเลือกตั้ง เพื่อยืนยันในความโปร่งใส โดยในวันที่ 26 มี.ค. ทางตัวแทนพรรคจะเดินทางไปยื่นหนังสือกับ กกต.เพื่อขอให้เปิดเผยข้อเรียกร้องดังกล่าว เนื่องจากตอนนี้ทางพรรคทั้งผู้สมัครและประชาชนได้เข้ามาร้องเรียนว่าผลการนับคะแนนมีปัญหาทั้ง 11 เขตใน กทม. และต่างจังหวัด 10 เขต ที่มีคะแนนใกล้เคียงมากจนนำไปสู่ข้อสงสัยและเรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่