เปิดไทม์ไลน์คดีล่า"เสือดำ"

2019-03-19 16:05:58

เปิดไทม์ไลน์คดีล่า"เสือดำ"

Advertisement

นับเป็นเวลา 1 ปีเศษคดีล่าเสือดำซึ่งอยู่ในความสนใจของสังคมไทย ได้เดินทางมาถึงวันที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นัดฟังคำพิพากษา ซึ่งช่วงระหว่างนั้นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างไปติดตามกัน

วันที่ 4 ก.พ. 2561 เจ้าหน้าที่ทุ่งใหญ่ตะวันตกได้รับแจ้งว่าพบนักท่องเที่ยวกลุ่มนึง ตั้งแคมป์พักในบริเวณจุดห้ามตั้ง จึงได้เข้าตรวจสอบพบว่า นักท่องเที่ยวหนึ่งในกลุ่มนี้ คือ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารอิตาเลี่ยนไทยบริษัทมหาชน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบบริเวณเต๊นท์พัก พบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง จึงได้ทำการขยายพื้นที่ตรวจสอบพบอาวุธปืนลูกกรดติดลำกล้อง 1 กระบอก ปืนไรเฟิลติดลำกล้อง 1 กระบอกและปืนลูกซองแฝด 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก ใกล้กับที่พักพบอาวุธปืนที่ซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติมพบซากเสือดำถูกชำแหละและถลกหนัง บริเวณใกล้เคียงพบเครื่องกระสุนปืนเพิ่มอีกมาก จึงทำการจับกุมเพื่อส่งคดี สภ.ทองผาภูมิ รายชื่อจำเลยทัั้ง 4 คน
จำเลยที่ 1 นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) จำเลยที่ 2 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 3 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 4 นายธานี ทุมมาศ


วันที่ 6 ก.พ. 2561 ลงบันทึกจับกุม นายเปรมชัย กับพวกรวม 4 คน 9 ฐานความผิดจาก 3 พ.ร.บ.และยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกและทนายความยื่นขอประกันตัว 4 ผู้ต้องหา วงเงินคนละ 150,000 บาท




วันที่ 13 มี.ค. 2561 พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีล่าสัตว์ป่าส่งมอบให้อัยการ เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 9 ข้อหาและอัยการภาค 7 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาคดี เพื่อให้สำนวนการสอบสวนรัดกุมที่สุดและเร่งรัดการทำสำนวนการสอบสวนทุก 7 วัน

วันที่ 26 มี.ค. 2561 ผู้ต้องหายื่นร้องขอความเป็นธรรม (ครั้งที่ 1) กับอธิบดีอัยการภาค 7 ขอให้สอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

วันที่ 27 เม.ย. 2561 ผู้ต้องหาที่ 1 ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีอัยการภาค 7 ขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม คณะทำงานและอธิบดีอัยการภาค 7 เห็นว่าพยานที่อ้างถึงมิใช่พยานที่เกี่ยวข้องในคดี เป็นเพียงผู้ที่แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อเท่านั้น ส่วนพยานที่เกี่ยวข้องตามประเด็นที่ยื่นร้องขอความเป็นธรรมนั้น ได้มีการสอบสวนพยานดังกล่าวไว้แล้ว คำร้องขอความเป็นธรรมของนายเปรมชัย จึงเป็นลักษณะการประวิงคดี ทั้งข้อเท็จจริงตามสำนวนการสอบสวนได้ความครบถ้วนแล้วจึงไม่จำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติมตามที่ร้องขอ


วันที่ 2 พ.ค. 2561 ครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 7 จำเลยมารายงานตัวต่อศาล ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้ฟัง จำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอยื่นประกันตัว ศาลสั่งปล่อยตัวชั่วคราว

วันที่ 21 พ.ค. 2561 ศาลนัดพร้อม เพื่อตรวจพยานหลักฐาน แต่ทนายความจำเลยที่ 2 ,4 ไม่ได้เดินทางมาด้วยและขอเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปเป็นวันที่ 6 มิ.ย.

วันที่ 6 มิ.ย. 2561 ทนายความของนายเปรมชัยยื่นคำร้องขอย้ายศาล ทนายความจำเลยที่ 1 และ 2 ยื่นคำร้อง อ้างว่าจำเลยที่ 1 และ 2 ถูกฟ้องในคดีติดสินบน จึงขอให้ศาลจังหวัดทองผาภูมิส่งคดีไปให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีนี้อยู่ในเขตอำนาจศาลใด ศาลจังหวัดทองผาภูมิเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐาน และนัดฟังคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ วันที่ 27 ส.ค. 2561


วันที่ 27 ส.ค. 2561 ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลจังหวัดทองผาภูมิ ศาลจังหวัดทองผาภูมินัดสืบพยานโจทก์ปากแรก 27 พ.ย. 2561

วันที่ 27 พ.ย. 2561 เริ่มสืบพยานโจทก์นัดแรกและนัดสืบพยานโจทก์ต่อเนื่องในวันที่ 28, 29, 30 พ.ย.2561 และ 6, 7, 11, 12, 13, 18 ธ.ค. 2561 รวมสืบพยานโจทก์ 10 นัด 24 ปาก

วันที่ 19 ธ.ค. 2561 เริ่มสืบพยานจำเลยนัดแรกและนัดสืบพยานจำเลยต่อเนื่องในวันที่ 20, 26 ธ.ค. 2561 รวมสืบพยานจำเลย 3 นัด 3 ปาก นัดสุดท้าย 26 ธ.ค. จำเลยที่ 4 ไม่สามารถขึ้นเบิกความได้

วันที่ 26 ธ.ค. 2561 สืบพยานจำเลยปากสุดท้าย ศาลนัดอัยการโจทก์ จำเลยยื่นแถลงการณ์ปิดคดีภายในวันที่ 25 ม.ค. 2562 และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 มี.ค. 2562


วันที่ 25 ม.ค. 2562 อัยการโจทก์ จำเลย ยื่นแถลงการณ์ปิดคดี




วันที่ 19 มี.ค. 2562 ศาลจังหวัดทองผาภูมินัดฟังคำพิพากษาคดีล่าสัตว์ป่า

จำเลยที่ 1 นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจำคุก 8 เดือน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง(ไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก2 เดือนรวมจำคุก 16 เดือน ยกฟ้องข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติและข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ)

ส่วนจำเลยที่ 2 นายยงค์ โดดเครือ ถูกลงโทษ 3 ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน ข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 4 เดือนรวมจำคุก 13 เดือน ยกฟ้องข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและข้อหาร่วมกับเก็บของป่าในป่าสงวนแห่งชาติ

จำเลยที่ 3 นางนที เรียมแสน แม่บ้าน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 4 เดือน และปรับ 1 หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี ยกฟ้องข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร

จำเลยที่ 4 นายธานี ทุมมาศ เป็นคนนำพาเข้าไปในป่า ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 4 เดือน ข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ข้อหาล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจำคุก 4 เดือน ข้อหาล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจำคุก 1 ปี ข้อหาเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี 17 เดือน ไม่มีข้อหาใดดยกฟ้อง

ส่วนค่าเสียหายทางแพ่งให้นายเปรมชัยจำเลยที่ 1 และนายธานีจำเลยที่ 4 ร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวน 2 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.2561 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง คือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ขอบคุณข้อมูลและภาพเฟซบุ๊ก  : มูลนิธิสืบนาคะเสถียร