"ธนาธร" ค้านประมูล “ดิวตี้ฟรี" 4 สนามบินสัญญาเดียวรายเดียว จี้ยุติรอรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ชี้แยกสัญญา เลิกผูกขาด คาดสร้างรายได้ส่งรัฐ 4 หมื่นล้านต่อปี
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในเฟชบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2562 มีการรายงานข่าวประกาศของบริษัทท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) เกี่ยวกับการประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดอากร ที่จะรวมการประมูลพื้นที่ใน 4 สนามบินสุวรรณภูมิ หาดใหญ่ ภูเก็ต และเชียงใหม่ โดยรูปแบบการประมูลสัญญาแบบรายเดียว (Master Concession) ส่วนสัญญาการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยหาผู้ประกอบการเพียงรายเดียวเช่นกัน
"ผมเห็นว่าไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ ทอท. จะต้องเปิดประมูลร้านค้าปลอดอากร (DUTY FREE) ทั้ง 4 สนามบินเป็นสัญญาเดียว และไม่เห็นด้วยการใช้ระบบประมูลสัญญาแบบรายเดียว ที่จะให้ผู้ประกอบการรายใหญ่รายเดียว ให้ได้รับสัมปทานไป เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาการผูกขาดทางการค้าของกลุ่มทุนใหญ่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับสังคมไทย การผูกขาดสัมปทานสินค้าปลอดอากร หรือ DUTY FREE ทำให้กลุ่มทุนเพียงไม่กี่กลุ่มสามารถสะสมทุนมูลค่ากว่าแสนล้านบาทได้ในเวลาสิบปี น่าเคลือบแคลงใจเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุใดจึงต้องมีการเร่งรัดการดำเนินการทั้งๆ ที่สัมปทานฉบับปัจจุบันจะหมดสัญญาลงในปี พ.ศ. 2563 เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและ ทอท. ยุติการประมูลสัญญา DUTY FREE ฉบับใหม่ หากไม่สามารถตอบคำถามของประชาชนได้ว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเอื้อให้เกิดการผูกขาดหรือไม่?" นายธนาธร ระบุ
นายธนาธร ระบุอีกว่า พรรคอนาคตใหม่เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ควรจะยุติการเปิดประมูลร้านค้าปลอดอากร อีกไม่ถึงสองสัปดาห์นี้ ประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น เราควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชนเป็นผู้ดำเนินการต่อ แทนรัฐบาลทหารที่ไม่ได้มาจากความต้องการของประชาชนเรายืนยันว่า การประมูลสัมปทานสินค้าปลอดอากรครั้งนี้ ควรเป็นแบ่งเป็นสัมปทานรายหมวดหมู่ และตามพื้นที่ เพื่อให้มีผู้ชนะประมูลหลายเจ้า เกิดการแข่งขันกันอย่างเสรี เป็นธรรม และควรเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนขนาดกลางและขนาดย่อม โดยการแบ่งสรรพื้นที่พาณิชย์บางส่วนเป็นสัมปทานสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ประกอบการคนไทยเป็นเจ้าของโดยเฉพาะด้วย อาทิ สินค้า OTOP เป็นต้น
"พรรคอนาคตใหม่ประเมินว่า หากสัญญาสัมปทานร้านค้าปลอดอากร จัดทำเป็นแบบแยกสัญญาตามหมวดหมู่สินค้า ยกเลิกผูกขาดจุดส่งมอบสินค้าในสนามบิน จะทำให้มีรายได้นำส่งรัฐเพิ่มขึ้นราว 4 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยงบประมาณจำนวนดังกล่าวสามารถนำไปจัดสรรเป็นงบประมาณด้านอื่นๆ ที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้หลายท่านต่างทราบดีว่ากลุ่มทุนที่เป็นเจ้าของสัมปทานดังกล่าวอยู่ขณะนี้ เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนแก่พรรคการเมืองบางพรรค นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ประชาชนไม่ควรสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค เพราะมีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มทุนผูกขาดรายใหญ่ในประเทศอย่างชัดเจน" นายธนาธร ระบุ