“จตุพร” จี้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะของ “บิ๊กตู่” เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ชี้ตราบใดยังอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีปัญหาของประเทศจะไม่จบ ความอยุติธรรมยังดำรงอยู่ ลั่นปราศรัยใหญ่ 19 มี.ค.วงเวียนใหญ่ ส่ง พล.อ.ประยุทธกลับบ้าน ส่วน 22 มี.ค.ที่สวนรถไฟ ปลุกคนไทยหยุดการสืบทอดอำนาจ
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติพร้อมคณะเดินทางไปยัง จ.ตาก ช่วยนายณพล ชยานนท์ภักดี อดีตเลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองตาก ผู้สมัคร ส.ส.ตาก เขต 1 หมายเลข 3 หาเสียงและพบปะประชาชนพร้อมเปิดเวทีปราศรัยย่านตลาดนัดบ้านทรัพย์สมบูรณ์ ต.วังประจบ อ.เมือง จ.ตาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.นครราชสีมาโดยมีผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐคอยให้การต้อนรับ พร้อมปฏิเสธวาทกรรมเรื่องการสืบทอดอำนาจ แต่เป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ บรรดาผู้บริหารพรรคก็เป็นอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล ชื่อพรรคพลังประชารัฐก็นำมาจากชื่อโครงการของรัฐ โครงการของรัฐก็ไปเอาชื่อมาจากเพลงชาติ อย่างไรก็ตาม 4 รัฐมนตรีก็ถูกเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญกำหนดห้ามไว้ ด้วยกลไกของรัฐธรรมนูญไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้
นายจตุพร กล่าวต่อว่า กรณีของพล.อ.ประยุทธ์อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต.ว่าขาดคุณสมบัติจากการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เพราะคนที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้นห้ามบุคคลที่มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการลังเลเพราะ กกต. อนุญาตให้ไปปราศรัยได้แต่เมื่อมีคนทักท้วงก็ใช้วิธีการไปลงพื้นที่ตรวจราชการแทน ดังนั้นอะไรที่เกินความพอดี ประชาชนจะเห็นว่าเป็นการเอาเปรียบก็จะใช้คำพูดว่าไม่ได้สืบทอดอำนาจแต่สืบทอดเจตนารมณ์ ส่วนตัวมองว่าพล.อ.ประยุทธ์อยู่ระหว่างความสับสนในชีวิต ดังนั้น กกต. ควรจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ เร่งวินิจฉัยคุณสมบัติดังกล่าวเสียโดยเร็ว
นายจตุพร กล่าวถึงผลการตรวจสอบการจัดโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ไม่ได้นอกเหนือความคาดหมาย แต่ไปวินิจฉัยในประเด็นที่ผู้ร้องไม่ได้ร้อง ดังนั้นอยากจะทำอะไรก็ตามสบาย ตนเคยพูดมาตลอดว่า ปฏิบัติต่อพรรคการเมืองอื่นอย่างไรก็ควรปฏิบัติต่อพรรคพลังประชารัฐอย่างนั้น จะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ กกต. ซึ่งหากเปรียบกรณีโต๊ะจีนก็เหมือนเป็นการประจานเรื่องนาฬิกา ดังนั้นสาระสำคัญของวันนี้คือ จะปล่อยกันให้บ้านเมืองเดินต่อไปอย่างนี้และจะปล่อยให้การเลือกตั้งเดินไปอย่างนี้หรือ
ส่วนการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในห้วงเวลานี้ นายจตุพร มองว่า เป็นปัญหามาตั้งแต่หลักคิดที่ ไม่ใช่เขตเดียวเบอร์เดียวกันแล้วก็จะวุ่นวายกันมาตั้งแต่ต้น แต่ถ้าเขตเดียวเบอร์เดียวก็จะเหลือแต่เฉพาะชื่อผู้สมัครเท่านั้นก็จะง่ายขึ้น แต่เมื่อต้องการทำให้คนสับสนก็กลายเป็นตัวเองสับสนไปด้วย ก็ไม่เป็นผลดี ระเบียบการอารมณ์ของการเลือกตั้งควรจะต้องทำให้ประชาชนเกิดความสะดวกในการไปใช้สิทธิและได้ทำตามความประสงค์ของประชาชนว่าจะเลือกใคร แต่ต้นก็ยังเข้าใจได้ว่ากกต. ยังอยู่ภายใต้อำนาจมาตรา 44 ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่สามารถปลดกกตได้ ดังนั้นแค่รักษาชีวิตไว้ก็เหนื่อยแล้ว แต่ปัญหา ใหญ่ของแผ่นดินคือพล.อ.ประยุทธ์ตราบใดที่ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีปัญหาของประเทศก็จะไม่จบ ความอยุติธรรมก็ยังดำรงอยู่ ดังนั้นภารกิจของพรรคเพื่อชาติที่นั้นปราศรัยใหญ่ในวันที่ 19 มี.ค.นี้ที่วงเวียนใหญ่ อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อภารกิจใหญ่ส่งพล.อ.ประยุทธกลับบ้าน ส่วนวันที่ 22 มี.ค.ที่สวนรถไฟ เป็นภารกิจในการปลุกคนไทย หยุดการสืบทอดอำนาจ อย่างเด็ดขาด