ปชป.แจงเหตุผลต้องเป็นแกนนําจัดตั้งรัฐบาล

2019-03-13 12:05:45

ปชป.แจงเหตุผลต้องเป็นแกนนําจัดตั้งรัฐบาล

Advertisement

“กรณ์-จุติ-องอาจ” แถลงเหตุผล ปชป.ต้องเป็นแกนนําจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่ พปชร.  ระบุนโยบาย “แก้จน-สร้างคน-สร้างชาติ” ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนและประเทศชาติ ยันไม่สามารถร่วมรัฐบาล พท.เหตุไม่ได้เป็นประชาธิปไตยสุจริต 

เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคแถลงข่าวชี้แจงถึงเหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล


นายจุติ ไกรฤกษ์ ย้ำถึงประเด็นความทุกข์ร้อนของประชาชนว่า หลังจากแถลงความชัดเจนไปแล้ว ขอให้เลือกพรรคที่พร้อมที่สุดที่จะเข้ามาแก้ปัญหาของประชาชน ปากท้อง หนี้ครัวเรือน รายได้ครัวเรือน ภาษีเป็นธรรมหรือไม่ และพรรคประชาธิปัตย์มุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ และทำงานมาโดยตลอด 200 กว่าสัปดาห์ 5 ปีก่อนจะถึงวันนี้ โดยทำบนความถูกต้อง ไม่ทำให้ประเทศเสียหาย ดังนั้นประชาชนอย่าเลือกตั้งด้วยอารมณ์ แต่ให้เลือกด้วยประเด็นนโยบาย

นายกรณ์ กล่าวว่า ปชป.ลงพื้นที่ทํางานด้านนโยบายมาตลอด 5 ปีที่มีรัฐบาลจากรัฐประหาร ทั้งการลงพื้นที่ทําจริง เก็บข้อมูล ศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ จากนักวิชาการและปราชญ์ชาวบ้าน จนขมวดรวมเป็นชุดนโยบาย “แก้จน-สร้างคน-สร้างชาติ” สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน และประเทศชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยแยกรายละเอียดในแต่ละชุดอย่างเป็นระบบ


รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวย้ำถึงจุดยืนว่า ชุดนโยบายนี้จะถูกนําไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อคนไทยและประเทศชาติมากที่สุดคือการที่พรรคประ ชาธิปัตย์จะต้องเป็นแกนนํารัฐบาลเท่านั้น จากการพิจารณาจากอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย และหลักคิดทางนโยบายต่างๆ รวมไปถึงประวัติในการบริหารประเทศ แล้วพบว่า ไม่สามารถร่วมรัฐบาลกันได้อย่างแน่นอน เพราะไม่ได้เป็นประชาธิปไตยสุจริต และชัดเจนว่า ไม่ได้ยึดประชาชนเป็นใหญ่ ตัวอย่างเช่นมีการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และอีกหลายนโยบายที่สวนทางกับนโยบายของ ปชป. ส่วนในประเด็นแนวนโยบายของพรรคพลังประชารัฐนั้น นายกรณ์ กล่าวว่า มีหลายข้อที่เรามองว่า นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ของเราตอบโจทย์ความต้องการประชาชน และการพัฒนาเศรษฐกิจได้ดีกว่า

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ ตลอดมาได้เน้นนโยบายที่ส่งเสริมทุนใหญ่ ล่าสุดความพยายามที่จะเร่งรัดการประมูลดิวตี้ฟรี ในวิธีการที่จะคงไว้ซึ่งสิทธิผูกขาดของผู้ประกอบการ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่ารัฐบาลละเลยการรักษาประโยชน์สูงสุดของประชาชนและบ้านเมือง พรรคประชาธิปัตย์มองว่าประชาชนทั่วไปในระดับฐานราก และชนชั้นกลางถูก ละเลยมานาน นโยบาย ปชป. จึงเน้นคนวัยทํางาน และผู้มีรายได้น้อย เราไม่ขายแต่ GDP เราชูดัชนี "ปิติ" (PITI) ซึ่งเป็นการวัดการพัฒนาที่เป็นตัววัดความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง เราเน้นการปฏิรูปโครงสร้างภาษี เก็บภาษีเศรษฐี ดูแลคนรายได้ปานกลาง และให้สวัสดิการพื้นฐานแก่ผู้มีรายได้น้อย ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% ทุกกลุ่มแต่คนรวยได้ประโยชน์สูงสุด ปชป.ไม่ลดคนรวยชัดเจน ในแง่นิติบุคคล ปชป.ลดให้เฉพาะเอสเอ็มอีเท่านั้น

 

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ในด้านของราคาสินค้าเกษตรนั้น ในช่วงการบริหารของรัฐบาลปัจจุบันตกตํ่า สะท้อนปัญหาปากท้องในเศรษฐกิจฐานราก และนโยบายเกษตรที่ประกาศออกมา คือหลักการ “จํานํา” ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายที่เคยเกิดขึ้น ขณะที่ ปชป.ชู ประกันรายได้เกษตร ไม่ต้องการบิดเบือนกลไกตลาด ปิดจุดรั่วไหล และมีนโยบายสร้างชาติด้านเกษตร ปฏิรูปเขียว ดันราคาตลาดให้สูงขึ้นโดยไม่เป็นภาระงบประมาณ นอกจากนี้ ปชป.ออกสวัสดิการพื้นฐานดูแลทารก ปฐมวัยด้วยหลักคิดจากนักวิจัย และนักเศรษฐศาสตร์โนเบล เกิดปั๊บรับสิทธิ์เงินแสน แต่ พรรคพลังประชารัฐ ประกาศนโยบายมารดาประชารัฐโดยจงใจบลัฟตัวเลข หลักคิดแบบนี้สุ่มเสี่ยง และไม่ควรเป็นแกนนํารัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจนถึงวันนี้ยังไม่เห็นพรรคใด โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐชี้แจงตัวเลขเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้ในแต่ละนโยบาย ซึ่งกกต.ก็มีการกำหนดไว้ว่า ต้องเปิดเผยแค่ไหนอย่างไรบ้าง ทั้งตัวเลขที่จะใช้ในแต่ละนโยบายและที่มาของแหล่งเงิน หากหาเสียงแล้วทำไม่ได้ หรือใช้งบประมาณจนเป็นปัญหาต่อประเทศ ก็อาจนำมาซึ่งต้นเหตุแห่งความขัดแย้งใหม่ได้อีก  ดังนั้นชุดนโยบาย แก้จน-สร้างคน-สร้างชาติ ที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ต่อประเทศในครั้งนี้ จะถูกผลักดันอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้เลย หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นแกนนํารัฐบาล