ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เดินทางถึงกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ก่อนการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 กับคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ โดยเครื่องบินประจำตำแหน่ง แอร์ ฟอร์ซ วัน ร่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติ “โหน่ยบ่าย” (Noi Bai) กรุงฮานอย ตามหลังคิมเดินทางถึงกรุงฮานอย ด้วยขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษก่อนต่อรถยนต์ก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง
การประชุมสุดยอดครั้งนี้ ซึ่งมีกำหนดขึ้น 2 วัน ในวันพุธและพฤหัสบดีนี้ หลังการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ครั้งแรกในสิงคโปร์ เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว โดยผู้นำทั้ง 2 คาว่าจะหารือถึงความก้าวหน้าในการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ให้หมดไปจากคาบสมุทรเกาหลี
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพิธี ยืนเข้าแถวยาวตามพรมแดนที่ปูลาดเพื่อต้อนรับคิม เมื่อเขาเดินทางถึงสถานีรถไฟ เมืองดงดัง พรมแดนเวียดนามที่ติดกับจีน ในช่วงเช้าวันอังคาร จากนั้น ก็เปลี่ยนจากรถไฟไปต่อด้วยรถยนต์มุ่งหน้าสู่กรุงฮานอย ซึ่งมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและมีฝูงชนโบกธงรอต้อนรับเขา
คิมเดินทางพร้อมกับคิม โย จอง น้องสาว และคิม ยอง โชล อดีตนายพล หนึ่งในผู้เจรจาคนสำคัญ ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีจากการประชุมครั้งก่อนกับทรัมป์

การเดินทางไกลจากกรุงเปียงยางถึงเวียดนาม ใช้เวลากว่า 2 วัน และรวมระยะทางประมาณ 4,000 กิโลเมตร หากคิมเลือกบินไปเวียดนาม เขาจะใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่ ขบวนรถไฟของคิมเดินทางผ่านจีน ถนนต่าง ๆ ก็ถูกปิดและสถานีรถไฟ ก็ปิดด้วย สื่อโซเชียล มีเดียในจีน บ่นเอ็ดอึง เพราะทำให้การจราจรติดขัดและรถไฟโดยสารอื่น ๆ ก็ประสบปัญหาล่าช้า จากพิษของขบวนรถไฟผู้นำเกาหลีเหนือ

สถานีดงดังของเวียดนาม ถูกปิดไม่ให้ประชาชนเข้าด้วย ก่อนการเดินทางถึงของคิมในช่วงเช้าวันอังคาร ซึ่ง ณ จุดนี้ เขาต้องเดินทางด้วยรถยนต์ต่อไปยังกรุงฮานอยอีกประมาณ 170 กิโลเมตร มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเล็กน้อยที่คิมเลือกใช้รถไฟ เช่นเดียวกับคิม อิล-ซุง ผู้นำเกาหลีเหนือคนแรก ผู้เป็นปู่ เมื่อครั้งที่เขาเดินทางเยือนเวียดนามและยุโรปตะวันออก ซึ่งก็น่าจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์สำหรับคิมหนุ่มเท่านั้น
ขบวนรถไฟเขียว-เหลืองของคิม มีโบกี้กันกระสุน 21 ตู้และมีอุปกรณ์ตกแต่งภายในอย่างหรูและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โซฟาหนังสีชมพู และห้องประชุม ทำให้การเดินทางไกลเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมาก
ส่วนทรัมป์ สวนทางกลับคิม เขาเลือกเดินทางมายังกรุงฮานอยด้วยเครื่องบินประจำตำแหน่ง แอร์ ฟอร์ซ วัน ออกจากฐานทัพอากาศร่วมแอนดรูว์ส ในรัฐแมรีแลนด์ ร่อนลงจอดในกรุงฮานอยคืนวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น
รายละเอียดกำหนดการประชุมของพวกเขามีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อทรัมป์ จะประชุมกับคิมเป็นการพูดคุยกันตัวต่อตัวในช่วงสั้น ๆ ในช่วงเย็นวันพุธ เวลาประมาณ 18.30 น. และจากนั้น ผู้นำทั้ง 2 จะร่วมรับประทานอาการค่ำพร้อมกับบรรดาที่ปรึกษา จากการเปิดเผยของซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว และในวันพฤหัสบดี พวกเขาก็จะกลับมาประชุมกันอีกหลายรอบ
การประชุมสุดยอดในกรุงฮานอย คาดว่าจะกำหนดกรอบเพื่อที่จะสานต่อข้อตกลงจากการประชุมครั้งแรกในสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งการประชุมครั้งแรกได้ข้อตกลงที่มีเนื้อหาคลุมเครือ โดยผู้นำทั้ง 2 ตกลงทำงานร่วมกันในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม มีความคืบหน้าทางการทูตน้อยมากหลังจากการประชุมครั้งแรก
การประชุมรอบ 2 นี้ ผู้นำทั้ง 2 คน จะตั้งใจมากว่า มีความคาดหวังสูงสำหรับผลการประชุม ซึ่งจะแสดงให้เห็นสัญญาณความก้าวหน้าที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ก็บอกก่อนการประชุมแล้วว่า เขาไม่ได้เร่งรีบ ที่จะกดดันให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์
ก่อนหน้านี้ สหรัฐแถลงว่า เกาหลีเหนือต้องล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ก่อนที่สหรัฐจะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร
การประชุมครั้งที่ 2 นี้ สหรัฐจะกดดันให้เกาหลีเหนือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของคิม ที่บอกว่าจะเดินหน้าปลดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดในคาบสมุทรเกาหลี หลังไม่มีความคืบหน้าจากการประชุมครั้งแรก และในทางกลับกัน คิม ก็หวังว่าสหรัฐจะยอมรับคำร้องขอในหลายเรื่อง เช่นผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร และประกาศยุติสงครามเกาหลีที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2493-2496 อย่างเป็นทางการ