เร่งล่าตัวโจรป่วน! แฮกไลน์รองนายกฯ

2019-02-26 11:05:04

เร่งล่าตัวโจรป่วน!  แฮกไลน์รองนายกฯ

Advertisement

โจรป่วน! แฮกไลน์รองนายกฯ หลอกยืมเงินญาติและเครือข่ายโกยเงินไปนับล้านบาท ตร.เร่งล่าตัวดำเนินคดี

วันที่ 25 ก.พ. นายปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ติดตามความคืบหน้ากรณีมีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ว่าได้โอนเงินจำนวนมากเข้าบัญชีธนาคารของบุคคลคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นนายปรีชาขณะที่นายปรีชาปฏิเสธว่าไม่ได้รู้เรื่องการโอนเงินดังกล่าวเลย ซึ่งจากการติดตามพบว่า ล่าสุดทาง พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ อิ่นใจ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงราย ปฏิบัติราชการแทน ผกก.สภ.เมืองเชียงราย และ พ.ต.ท.นเรศ โปเล็ม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้สอบถามไปยังธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แล้วและอยู่ระหว่างติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบจากพนักงานสอบสวนและธนาคารพบมีผู้เสียหายแล้วจำนวน 5-6 ราย โดยไปแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่แล้วจำนวน 4 ราย ยอดเงินรวมทั้งหมดในระบบประมาณ 500,000 บาท และไม่เป็นทางการคาดว่ามีไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท

นายปรีชา กล่าวว่าเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมาได้มีผู้ลักลอบเข้าใช้ไลน์และข้อความทางเฟซบุ๊กหรือเฟซบุ๊ก เมสเซนเจอร์ ของตนแล้วกระจายไปถึงทุกคนในเครือข่ายมีข้อความคล้ายกันว่าขอให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยของบุคคลคนหนึ่งโดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปทำธุระด่วนเพราะตู้เอทีเอ็มเสีย โดยข้อความกระจายไปทั้ง 2 ทางทำให้มีผู้หลงเชื่อโอนเงินเข้าไปจำนวน 5-6 ราย แต่ที่แจ้งความร้องทุกข์อย่างเป็นทางการมี 4 ราย โดยรายแรกโอนเงินให้ตนทันทีจำนวน 43,000 บาทในเวลา 03.00 น.เพราะรู้จักมักคุ้นกันดี และช่วงสายเวลาประมาณ 08.00 น.ญาติของตนก็โอนให้อีก 54,000 บาท จากนั้นเวลา 11.30 น.มีผู้โอนเข้าไปอีกจำนวน 50,000 บาท และเวลา 12.00 น.จำนวน 67,000 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ไปแจ้งความก็อยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 2-3 ราย 




นายปรีชา กล่าวอีกว่า เหยื่อแต่ละรายถูกกระทำลักษณะคล้ายกันคือจะมีการโทรไลน์เข้าไปหาด่วนแล้ววางหรือตัดสายทันที จากนั้นจะได้รับข้อความจากไลน์และเมสเซนเจอร์ของตนว่าขอยืมเงินราว 50,000-70,000 บาท เมื่อมีผู้หลงเชื่อโอนเงินเข้าไปแล้วก็จะมีข้อความที่ 2 เข้าไปขอยืมเพิ่มเติมอีกในจำนวนใกล้เคียงกัน ระยะเวลาการส่งข้อความส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเวลาประมาณ 07.00 น.โดยมีอยู่บางรายที่ได้รับช่วงเช้ามืด ซึ่งหลังจากแต่ละคนโอนเงินแล้วก็ได้พยายามโทรศัพท์หรือส่งข้อความตอบกลับมาให้ตนทราบแต่ไม่สามารถติดต่อได้คาดว่าถูกระงับหรือบล็อคข้อความจากผู้ที่เข้าไปลักลอบใช้หรือแฮกเกอร์ และที่น่าแปลกใจอีกประการคือการติดต่อถึงตนทางโทรศัพท์เป็นไปด้วยความยากลำบากเหมือนถูกตัดสัญญาน ทำให้กว่าตนจะรู้ว่ามีการแฮกไลน์และมีคนโอนเงินก็เข้าสู่ช่วงใกล้เที่ยงวันของวันที่ 24 ก.พ. แล้วจึงได้ร่วมกับผู้เสียหายที่พบเจอกันไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนดังกล่าว

"ปกติผมจะหวงมือถือมากไม่ค่อยให้ใครใช้ ไม่เคยใช้ไวไฟอินเตอร์เน็ต ไม่เคยให้ใครได้ใช้แม้แต่คนใกล้ชิด และไลน์กับเมสเซนเจอร์ก็ไม่ใช้พาสเวิร์ดต่างกันด้วย จึงแปลกใจมากว่ามีคนแฮกไปได้อย่างไรและเมื่อมีคนโอนเงินไปแล้วยังทำให้แต่ละคนติดต่อกลับมาที่ผมหรือแม้แต่โทรศัพท์มาหาผมไม่ได้ด้วย และเป็นที่น่าสงสารมากเพราะแต่ละคนที่โอนเงินเข้าบัญชีต่างเป็นคนที่รักใคร่เรา มีอยู่รายหนึ่งเป็นน้าของผมได้รับข้อความทางเมสเซนเจอร์รายเดียวก็โอนให้ทันที บางคนเป็นเพื่อนกันอยู่กรุงเทพฯ ก็ดั้นด้นโอนเงินมาให้ ผมมารู้เรื่องก็เมื่อมีคนรู้จักคนหนึ่งได้รับข้อความเหมือนกันและนำเงินสดมาให้ที่บ้านเพราะไม่สะดวกโอนเงิน เมื่อถามไถ่จึงรู้ว่าได้รับข้อความดังกล่าวและเมื่อสอบถามไปยังเครือข่ายคนอื่นๆ พบว่าต่างได้รับข้อความยืมเงินด่วนในลักษณะเดียวกันโดยถ้วนหน้ากัน" นายปรีชา กล่าว



หลังเกิดเหตุทั้งไลน์และเฟซบุ๊กของตนใช้การไม่ได้เพราะถูกมือมืดยึดไปแล้วจึงได้เปลี่ยนไลน์ใหม่แต่คงหมายเลขโทรศัพท์เดิมเอาไว้ ส่วนเฟซบุ๊กก็เสียไปเลยโดยยังไม่ได้เปิดใหม่ ซึ่งตามปกติตนจะมีเพื่อนในไลน์ประมาณ 100 คนแต่มีผู้ได้รับข้อความผ่านทางการร่วมกลุ่มต่างๆ เพิ่มเติมอีก คาดว่ามีนับพันคน ส่วนเฟซบุ๊กตนมีเพื่อนประมาณ 5,000 คน พบว่าต่างได้รับข้อความยืมเงินด่วนนี้กันโดยถ้วนหน้าทำให้อาจมียอดเงินนับล้านบาทแล้ว ตนจึงขอเตือนให้ทุกคนที่ได้รับอย่างหลงเชื่อและหากติดต่อตนไม่ได้ก็อย่าไปโอนเงินเด็ดขาด ซึ่งก็เชื่อว่าอาจจะมีผู้ที่หลงเชื่อแต่ยังไม่ได้แจ้งความหรือติดต่อตนไม่ได้ก่อนหน้านี้อีกก็ได้ เพราะจากการสอบถามไปยังธนาคารทราบว่าแม้จะมีการระงับบัญชีนี้ไปแล้วแต่ก็ยังมียอดเงินที่โอนเข้าไปอย่างต่อเนื่องทำให้ทราบว่าบัญชีธนาคารนี้อาจใช้ตนเป็นเหยื่อล่อให้คนโอนเงินเข้าไปหรือยังอาจใช้หลอกลวงด้วยไลน์หรือเมสเซนเจอร์ของบุคคลอื่นอีกก็ได้

รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดทางพนักงานสอบสวนได้สอบถามไปยังทางธนาคารได้ทราบชื่อบุคคลที่เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารดังกล่าวแล้ว แต่ธนาคารยังไม่เปิดเผยข้อมูลโดยอ้างว่าเป็นความลับของลูกค้าแต่แจ้งได้ว่าทราบชื่อและนามสกุลที่เป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าวแล้ว แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ที่มีชื่อและนามสกุลดังกล่าวเหมือนกันกลับมี 2 คนโดยอยู่ที่ จ.นครปฐม 1 คนและที่ จ.กาญจนบุรี อีก 1 คนทำให้อยู่ระหว่างตรวจสอบและติดตามเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป