จิตแพทย์ชี้โจ๋บุก รร.ว้าวุ่น-คับข้องใจ

2019-02-25 19:35:11

จิตแพทย์ชี้โจ๋บุก รร.ว้าวุ่น-คับข้องใจ

Advertisement

จิตแพทย์ระบุแก๊งโจ๋บุกป่วน รร. สะท้อนสังคมสามารถใช้ความรุนแรงได้ ถ้าเก็บความสะสมความว้าวุ่น ความคับข้องใจ ความเครียดมากเกินไป ชี้ผู้ก่อเหตุอาจได้รับอิทธิพลเพื่อน สุรา ยาเสพติด ทำให้สูญเสียการควบคุมตัวเอง แนะรู้จักจัดการความเครียด

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีกลุ่มวัยรุ่นบุกเข้าทำร้ายร่างกายครู นักเรียน รปภ. และยังพบการลวนลามนักเรียนหญิงใน รร.มัธยมวัดสิงห์ เขตจอมทอง กทม.เพราะไม่พอใจที่มีการเตือน ขอให้เบาเสียงงานแห่นาค เนื่องจากนักเรียนกำลังสอบ GAT/PAT ว่า หลายคนมักมองเรื่องที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นว่าเป็นสาเหตุของความรุนแรง แต่จริงๆ จากเหตุการณ์นี้ อยากให้มองว่าทุกคนในสังคมสามารถใช้ความรุนแรงได้ ถ้าเก็บความสะสมความว้าวุ่น ความคับข้องใจ ความเครียดมากเกินไป สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นนั้นอาจจะเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ก่อความรุนแรงได้ ดังนั้นต้องรู้จักจัดการความเครียด เพื่อป้องกันความรุนแรง เช่น ฝึกคลายเครียดวิธีต่างๆ ออกกำลัง ฝึกหายใจคลายเครียด ฝึกสมาธิ พวกนี้ก็จะลดความเครียดได้ หากเรามีความเครียดสะสมมากโอกาสเกิดความรุนแรงก็มากขึ้น อย่างกรณีนี้ทางจิตวิทยา คนที่ก่อความรุนแรงมักจะมีความว้าวุ่น คับข้องใจสะสมมากด้วย

นพ.ยงยุทธ กล่าวต่อว่า กรณีนี้อาจมีปัจจัยเสริมที่ทำให้กลุ่มวัยรุ่นก่อพฤติกรรมเช่นนี้ คือ อาจอยู่ภายใต้การสูญเสียการควบคุมตัวเอง เช่น อิทธิพลเพื่อน ทำให้สูญเสียการควบคุมตัวเอง และอาจทำให้คนที่ไม่มีความรุนแรงมาก แต่มีกลุ่มเพื่อน กลุ่มฝูงชนพาไป เห็นได้บ่อยจากการใช้ความรุนแรงหมู่ การข่มขืนหมู่ ยังมีอิทธิพลจากสุรา ยาเสพติด ทำให้สูญเสียการควบคุมตัวเอง แต่ในที่สุดพวกเขาก็จะได้รับผลร้ายจากการกระทำของเขา ก็จะถูกดำเนินคดี เรื่องนี้อยากให้เป็นอุทาหรณ์ เราก็มีโอกาสเกิดความรุนแรง เราต้องรู้จักจัดการความเครียดตัวเอง อย่าไปมองว่าคนกลุ่มนี้ทำไม่ดี แล้วแสดงความไม่พอใจ หรือเล่นงานคนที่เป็นข่าว ไม่ใช่แค่กรณีนี้เท่านั้น สิ่งสำคัญเราต้องคิดป้องกันตัวเราเองไม่ให้เกิดความรุนแรงลักษณะนี้ อย่างไรก็ตามเด็กที่อยู่ในช่วงสอบต้องการความสงบ เพราะความสงบมีผลต่อความคิด กระตุ้นความคิดที่ดีได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าปัจจุบันพบเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นได้ง่าย และเกิดขึ้นได้มากใด้มากสะท้อนว่าสังคมไทยกำลังมีปัญหา นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า แต่ละคนมีเรื่องคับข้องใจ ความว้าวุ่นใจ ความใจร้อน ซึ่งไม่ได้มาจากเรื่องส่วนตัวอย่างเดียว สังคมก็เป็นตัวกำหนดสุขภาพจิตด้วย โดยมีการศึกษาว่ามีผลมาจากทั้งเรื่องของการเลี้ยงดู เรื่องการศึกษา เรื่องได้รับ รายจ่าย ช่องว่างความรวย ความจน รวมถึงปัญหาทางการเมือง ความมีธรรมาภิบาลทางการเมือง ถ้าปัจจัยเหล่านี้เป็นไปในทางบวกก็จะทำให้ความคับข้องใจ ความขัดแย้งของคนลดลง ซึ่งถ้ามองในเชิงความหวังวันนี้ประเทศไทยยังต้องพัฒนาเรื่องเหล่านี้ให้มากขึ้นไปอีก