"กอบศักดิ์"นำทีมหาเสียงปากเกร็ด หนุนตลาดชุมชนให้เข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น เผยรอความชัดเจนจาก กกต.ให้ “บิ๊กตู่” ช่วยพรรคหาเสียงได้หรือไม่ มั่นใจได้ไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่งจะชนะคู่แข่งแบบทิ้งห่างหลายช่วงตัว
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำทีมพรรคพลังประชารัฐล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยาและลงพื้นที่เขต 4 จ.นนทบุรี บริเวณตลาดปากเกร็ด และตลาดวัดสะพานสูง เพื่อช่วย ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี นายณรงค์ จันทนดิษฐ เบอร์ 8 หาเสียง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ปากเกร็ดเป็นหนึ่งในพื้นที่ตัวอย่างที่มีความเข้มแข็งเพราะมีการรวมตัวของสถาบันการเงินชุมชนปากเกร็ดร่วมใจซึ่งช่วยให้ชุมชนเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ก็มีข่าวดีจาก รัฐบาลที่ได้อนุมัติพ.ร.บ.สถาบันการเงินชุมชนมารองรับความเป็นนิติบุคคลของสถาบันชุมชน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็พร้อมสนับสนุนส่งเสริมให้มีสถาบันการเงินชุมชนในทุกชุมชน นอกจากนี้นนทบุรีมีตลาดชุมชนที่มีความสำคัญต่อชุมชนหลายตลาดเช่น ตลาดปากเกร็ด ตลาดวัดสะพานสูง ทางพรรคเองก็มีนโยบายสนับสนุนให้มีตลาดชุมชนใกล้บ้าน ให้พี่น้องในชุมชน สามารถซื้อหาอาหารและสินค้าที่ราคาถูก หลากหลาย ได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังส่งเสริมอาชีพและรายได้ภายในชุมชนช่วยให้เศรษฐกิจชุมชนมีความคึกคักมากขึ้น
ทั้งนี้ ระหว่างลงพื้นที่ พ่อค้าแม่ค้าแผงลอย ได้ขอให้พรรคพลังประชารัฐทบทวนนโยบายจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยซึ่งหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลจะมีการทบทวนตั้งกรรมการเพื่อผ่อนปรนดูว่าพื้นที่ไหนสามารถทำได้และทำไม่ได้เพื่อให้ผู้ค้าแผงลอยไม่เดือดร้อนมีพื้นที่ทำกินเพราะเสน่ห์ของกรุงเทพมหานครคือสตรีทฟู้ด
นายกอบศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เปิดเผยว่า ทางพรรคยังรอคำตอบที่เป็นทางการจาก กกต. ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค สามารถทำอะไรได้บ้าง ที่ไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย ทั้งเรื่องของการขึ้นเวทีดีเบต และลงพื้นที่ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง รวมทั้งต้องรอปรึกษาทีมกฎหมายก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจน มั่นใจว่าไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย จากนั้นก็จะขอตารางพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเดินหน้าทันที เพราะขณะนี้พรรคการเมืองอื่นถือว่ามีความได้เปรียบที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค สามารถลงพื้นที่พบปะกับประชาชนได้ และจากการลงพื้นที่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมามั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ที่นั่งไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่ง แม้ผลโพลต์จะเคย ระบุว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ เป็นอันดับหนึ่งแต่ ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลก็ตาม เพราะยังมีเวลาเหลืออีก 30 โดยจะเดินหน้าลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อขอคะแนน พร้อมมั่นใจ จะชนะคู่แข่งแบบทิ้งห่างหลายช่วงตัว