หมายเหตุสถานการณ์: เส้นทางหินของนายกฯ คนนอก(บัญชี)

2017-07-04 06:15:32

หมายเหตุสถานการณ์: เส้นทางหินของนายกฯ คนนอก(บัญชี)

Advertisement

เป็นที่ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หมดโอกาสที่จะลงสมัคร ส.ส.เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องลาออกจากรัฐมนตรีใน 90 วันนับแต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้ กล่าวคือ ”บิ๊กตู่” ต้องลาออกภายใน 6 ก.ค. 2560 นี้


แต่ดังกล่าวไว้แล้ว ไม่ได้สมัคร ส.ส.ไม่ได้เป็น ส.ส. รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี มองไปเบื้องหน้าช่องทางที่ ”บิ๊กตู่” จะเป็นนายกรัฐมนตรีมี 2 ช่องทางใหญ่ๆ คือ      
1) พรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใดเสนอชื่อให้เป็นคู่ชิงนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 88 คือประกาศไว้ในสนามเลือกตั้ง2) ถ้าไม่ใช้บริการตามมาตรา 88 ก็ไปใช้บริการมาตรา 272  ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลที่ใช้ในช่วง 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภา หรือที่รับทราบกันว่ารอเป็นนายกรัฐมนตรี “ก๊อกสอง” นั่นเอง
ทวนความจำความเข้าใจสักนิดว่าถ้าไม่มีบทเฉพาะกาลการเลือกนายกรัฐมนตรีในบททั่วไปตามมาตรา 159 นั้นไม่ซับซ้อนอะไร หลักใหญ่ๆ คือให้ “สภาผู้แทนราษฎร” หรือ ส.ส.โหวตเลือกนายกฯ กันโดยเปิดเผย ใครได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด (500คน) คือได้ 251 เสียงขึ้นไปก็เป็นนายกฯ
แต่การโหวตเลือกนายกฯ ใน 5 ปีแรกตามบทเฉพาะกาลมาตรา 272 คนโหวตคือสมาชิกรัฐสภา (ส.ว.+ส.ส.) รวม 750 เสียง..


รอบแรกหรือก๊อกแรก..เมื่อประชุมรัฐสภาคนที่มีสิทธิถูกเสนอชื่อเป็นคู่แข่งขันคือคนที่พรรคการเมืองประกาศ-เสนอชื่อไว้ตามมาตรา 88 ใครที่ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาคือ 376 เสียงขึ้นไปก็เป็นนายกฯ ได้เลย
แต่ถ้าไม่มีใครได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งให้ดำเนินการเลือกนายกฯ ใหม่ หรือที่เรียกกันว่า “ก๊อกสอง”
ก๊อกสอง –การเลือกนายกฯ ก๊อกสองนี้มีสองขยัก          ขยักแรกให้สมาชิกรัฐสภาจำนวนเกินกึ่งหนึ่ง (376 คนขึ้นไป) เข้าชื่อกันเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อขอให้รัฐสภาเปิดประชุมเพื่อมีมติยกเว้นให้คนนอกที่ไม่มีพรรคการเมืองใดเสนอชื่อไว้ตามมาตรา 88 ให้เป็นคู่ชิงนายกฯ ได้         ขยักที่ 2 เมื่อประธานรัฐสภาอนุญาตและเปิดประชุมรัฐสภา หากรัฐสภามีมติด้วยคะแนนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 (ของ 2 สภา) คือต้องไม่น้อยกว่า 500 เสียงขึ้นไป ถือว่าเป็นมติยกเว้นหรือที่เรียกกันว่า “ปลดล็อก” นั่นเอง          เมื่อปลดล็อกให้คนนอกบัญชีเข้าแข่งแล้ว ต่อไปก็โหวตเลือกกัน ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง (376) เพื่อคว้าเก้าอี้นายกฯ            คาดกันว่า..ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯ จะต้องมาตามช่องทางก๊อกสองนี่แหละ ซึ่งถามว่าสุ่มเสียงไหม ก็ต้องตอบว่าสุ่มเสียงเหมือนกัน โดยเฉพาะในขั้นตอนปลดล็อกที่จะต้องใช้เสียง 500 นั่นแหละ...แม้จะมีเสียงสมาชิกวุฒิสภาหรือส.ว. 250 เสียงอยู่ในมือ ยังต้องอาศัยเสียงพรรคการเมืองหรือ ส.ส.อีก อย่างน้อย 250 เสียง..            สภากาแฟเมาท์มอยกันเล่นๆ ว่า ถ้าผลการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียง 260 เสียง เส้นทางนายกฯคนนอก (บัญชี) ก็เหมือนถูกปิดตาย เพราะปลดล็อกไม่ได้.!!??            แต่ก็นั่นแหละ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้บริการก๊อกสองตามมาตรา 272 นั่นก็ต้องคำนวณ ประเมิน กุมสภาพได้ชัดเจนแล้วว่าไม่มีปัญหาใดๆ มาทำให้สะดุดได้...            แต่ไม่ว่าจะมาจากช่องทางไหน หากคิดจะเป็นนายกฯ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะย่อมต้องรู้ดีว่า เสียง 250 เสียงของส.ว.นั้นไม่ใช่ชีวิตจริงของความอยู่รอดเพราะ ส.ว.นั้นหลักใหญ่คือร่วมโหวตตอนเลือกนายกฯ เท่านั้น อย่างไรเสียพล.อ.ประยุทธ์ ต้องมีเสียง ส.ส.สนับสนุนเกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรคืออย่างน้อย 250 เสียงขึ้นไป..ไม่เช่นนั้นจะถูกคว่ำตั้งแต่เสนอกฎหมายฉบับแรก...          นี่ไงคือจุดเครียดของคณะบิ๊กตู่ที่มีข่าวแพลมไปแพลมมาว่า..กำลังหาหนทางตั้งพรรคการเมืองมาสนับสนุน..และนี่ไงที่ทำให้พรรคการเมืองบางพรรคยืดอกเล่นตัวทำเป็นไม่สนใจบิ๊กตู่..          กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง วันประกาศผล วันปลดล็อกอีกยาวนานครับท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งตื่นเต้น เคร่งเครียดอะไรมาก ที่ว่ามา..ว่าตามกฎกติของรัฐธรรมนูญและกฎของคณิตศาสตร์การเมืองให้เห็นภาพคร่าวๆ เท่านั้น..           เข้าใจตรงกันนะครับ..!!