“เรืองไกร”จี้ กกต.ชงยุบ พปชร.

2019-02-18 15:10:46

“เรืองไกร”จี้ กกต.ชงยุบ พปชร.

Advertisement

“เรืองไกร”จี้ กกต.ยื่นยุบ พปชร.ใช้มาตรฐานเดียวกับ ทษช. อ้าง 3 ปมเป็นความผิดเข้าข่ายยุบพรรคชัดเจน

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)เดินทางไปยื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จาก 3 ประเด็นที่ได้ยื่นมาก่อนหน้านี้ โดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่ยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)

นายเรืองไกร กล่าวว่า ได้เห็นคำร้องยุบพรรคไทยรักษาชาติที่ กกต.ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วอ้างเหตุย้อนแย้งกันเอง โดยกกต.อ้างเพียงว่า กกต.ไม่รับพิจารณาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ แต่กลับใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 ว่า พรรคไทยรักษาชาติ กระทำการเป็นปฏิปักษ์ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรค แต่ขณะเดียวกันกลับใช้มาตรา 14 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งรับรอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ซึ่งเรื่องที่ตนให้สอบพรรคพลังประชารัฐ 3 เรื่องล้วนแล้วแต่เป็นความผิดที่เข้าข่ายยุบพรรคชัดเจนยิ่งกว่า

“กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้า คสช. เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่พรรคพลังประชารัฐกลับเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เท่ากับกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ส่วนกรณีที่นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก่อนเป็นสมาชิก ถือว่าเป็นบุคคลภายนอกตามมาตรา 28 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่เข้าข่ายครอบงำพรรค ผิดมาตรา 92 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ถูกยุบพรรค อย่างไรก็ตามขณะที่กรณีโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าเข้าข่ายเป็นการแสวงหาผลกำไรมาแบ่งปันกัน เข้าข่ายขัดหลักการจัดตั้งพรรคการเมือง มาตรา 20 (2) ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) เช่นกัน”นายเรือง ไกร กล่าว