“สุดารัตน์”ซัด“บิ๊กตู่”แนบแน่นเนื้อเดียว พปชร.

2019-02-17 21:35:28

“สุดารัตน์”ซัด“บิ๊กตู่”แนบแน่นเนื้อเดียว พปชร.

Advertisement

“คุณหญิงสุดารัตน์” หาเสียงสยามสแควร์วัน ซัด “บิ๊กตู่”แนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกับ พปชร. ถาม กกต.จะปล่อยให้มีการใช้อำนาจส่อไปในทางเอื้อประโยชน์จนถึงวันเลือกตั้งหรือไม่ บอก 27 ปีเล่นการเมืองไม่เคยเจอแบบนี้


เมื่อวันที่ 17 ก.พ.  คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยครอบครัวลงพื้นที่สยามสแควร์วัน และลานน้ำพุหน้าห้างสยามพารากอน เพื่อหาเสียงเลือกตั้ง โดยได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากมาขอถ่ายรูปด้วย โดยเฉพาะ น.ส.ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือ น้องจินนี่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ให้ประชาชนจำชื่อพรรคเพื่อไทยเท่านั้นในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.เพราะหลายเขตมีหมายเลขผู้สมัครไม่เหมือนกัน


คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ลงพื้นที่พบปะประชาชน เปรียบเป็นการช่วยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หาเสียง ว่า ก็แนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว อย่างที่หลายคนบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นกติกาที่ร่างกันมา การทำโรดแม็ปที่บอกว่า 4 ปี จะนำไปสู่การเลือกตั้งวันนี้ก็เห็นชัดแล้ว เป็นโรดแม็ปที่จะทำให้ผู้มีอำนาจกลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้ง ขอฝากถามว่า การใช้อำนาจหัวหน้า คสช.ก็ดี นายกฯก็ดี ส่อไปในทางเอื้อประโยชน์ หรือทำให้เกิดผลดีต่อบางพรรคการเมืองถูกต้องตามกฎหมาย และสมควรหรือไม่และขอถาม กกต. ว่าจะปล่อยให้มีเหตุการณ์อย่างนี้จนถึงวันลงคะแนนเลือกตั้งหรือไม่ 


เมื่อถามว่า 27 ปีที่ทำการเมืองมาเคยเจอแบบนี้หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่เคยเจอ ครั้งนี้ถือเป็นปรากฎการณ์ครั้งแรก ปกติรัฐบาลที่อยู่ในการเลือกตั้งจะต้องเป็นรัฐบาลรักษาการที่ไม่มีอำนาจใดๆ ไม่มีการใช้งบประมาณ หรือการโยกย้ายข้าราชการ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นายกฯ และครม. มีอำนาจเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ยังจัดงบ เพิ่มงบ สั่งการต่างๆได้ แถมยังมี มาตรา 44 อีก จากการลงพื้นที่ได้มีการสะท้อนจาก ส.ส.ในพื้นที่ตลอดเวลาว่า ถูกข่มขู่จากอำนาจรัฐ ทั้งเรื่องเก็บบัตรประชาชนจากเจ้าหน้าที่รัฐ บางเขตมีการเก็บบัตรทหารเกณฑ์ เราฟังมาตลอด ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ชื่อพรรค กับโครงการต่างๆของรัฐบาลในการแจกเงินแจกททองของรัฐบาลก็ชื่อเดียวกัน


คุณหญิงสุดารัตน์  กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทย มีแนวคิดการสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ โดยจะมี 3 มาตรการ คือ 1. การตั้งกองทุนสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ หรือสร้างเถ้าแก่ใหม่ และปรับการเกณฑ์ทหาร ให้ชายไทย และผู้สนใจ มาเข้าค่ายการทำธุรกิจ สร้างตัวเองให้เป็นเจ้าของกิจการ โดยใช้งบของปลกระทรวงกลาโหม 10 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี 2. การเตรียมพร้อมรับคนตกงาน  ทั้งสายสื่อมวลชน สายการธนาคาร และพนักงานห้างสรรพสินค้า ด้วยการตั้งกองทุนเปลี่ยนงาน รวมถึงให้การอบรม ให้ความรู้ ให้ทักษะ และสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ให้ประกอบเป็นอาชีพที่ 2 สำรองระหว่างทำงานได้ และ 3.บัตรทองของสตาร์ทอัพ สำหรับเด็กรุ่นใหม่ หรือนักธุรกิจใหม่ คนค้าขายออนไลน์ เพื่อจะสามารถสู้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ มั่นใจว่า 3 มาตรการดังกล่าวจะเป็นนโยบายที่มีประโยชน์สำหรับคนรุ่นใหม่