"พุทธิพงษ์"นำผู้สมัคร ส.ส.พปชร.หาเสียงจตุจักร ชี้อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นใน กทม. อยากเห็นการเมืองสร้างสรรค์ ไม่โจมตี ใส่ร้ายป้ายสี ต้องให้โอกาส พปชร. ระบุยังไม่คิดจับมือพรรคใด ยันหลักการพรรคที่ได้เสียงข้างมากในสภาฯ ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา
เมื่อเวลา 13.20 น.วันที่ 17 ก.พ. ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ช่วย น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 ราชเทวี พญาไท จตุจักร (เฉพาะแขวงจตุจักร จอมพล) เบอร์ 11 หาเสียงกับพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน และนักท่องเที่ยว บริเวณโดยรอบตลาดนัดสวนจตุจักร ชูนโยบายพัฒนาพื้นที่อัพเกรดเมืองกรุง
นายพุทธิพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า แม้พรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคการเมืองใหม่แต่เราก็จะทำหน้าที่ในการเป็นทางเลือกให้กับคนไทยและคน กทม.แม้ว่าในทุกพื้นที่จะมีเจ้าของพื้นที่อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคพลังประชารัฐเราเน้นขายความแตกต่าง ผู้สมัครเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ มียุทธศาสตร์และเสนอตัวเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อเปลี่ยนแปลง กทม.ซึ่งตลอด 2 สัปดาห์หลังการลงพื้นที่หาเสียงก็พบว่าคะแนนนิยมของพรรคเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเห็นว่าแม้ในพื้นที่เขต 6 ราชเทวี พญาไท จตุจักร พรรคพลังประชารัฐจะต้องแข่งขันกับนายอรรถวิทย์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ส่วนตัวเห็นว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วที่คน กทม.ต้องตัดสินใจ ถ้าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในกทม. อยากเห็นการเมืองสร้างสรรค์ ไม่โจมตี ใส่ร้ายป้ายสี ก็ต้องให้โอกาสพรรคพลังประชารัฐได้เข้ามาทำงานเพราะเราตั้งใจจริง และเชื่อว่าประชาชนจะใช้วิจารณญาณในการพิจารณาตัดสิน
สำหรับการลงพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรในวันนี้ นายพุทธิพงษ์ ยืนยันว่า เป็นความบังเอิญ ไม่ได้ลงพื้นที่ตามรอยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะข้อเท็จจริงแล้ว พรรคมีกำหนดการลงพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่เมื่อทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่ ลพรรคก็หลีกทางให้ เพราะไม่อยากถูกมองว่าเป็นความได้เปรียบ เสียเปรียบ และไม่อยากให้นำการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ มาเชื่อมโยงกับพรรค เนื่องจากเป็นคนละส่วนกัน การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ คือการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ได้ให้คุณหรือโทษกับพรรค ดังนั้นการจะวิพากษ์วิจารณ์ ต้องดูด้วยว่า เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่
นายพุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่สามารถช่วยพรรคหาเสียง ปราศรัย หรือดีเบตได้ เพราะติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ที่สำคัญพล.อ.ประยุทธ์ ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง แต่การขึ้นรูปคู่กับผู้สมัครสามารถทำได้ โดยยอมรับว่าตัวพล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนสำคัญต่อคะแนนนิยมของพรรค เพราะบ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อย ในการขับเคลื่อนประเทศ หากไม่สงบ การแก้ปัญหาต่างๆโดยเฉพาะเศรษฐกิจ จะไม่สามารถเดินต่อไปได้ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงถือเป็นความเชื่อมั่นให้กับประเทศในเรื่องนี้
ส่วนกรณีที่มีการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น นายพุทธิพงษ์ เห็นว่า การตรวจสอบเป็นเรื่องที่ดี และจำเป็นในระบอบประชาธิปไตย แต่เมื่อตรวจสอบแล้วจะต้องให้การยอมรับ และเชื่อมั่นในผลที่ออกมา พร้อมยืนยัน การใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ของพล.อ.ประยุทธ์ ใช้ตามความเหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาข้อติดขัด ไม่เคยใช้เพื่อให้คุณให้โทษกับใคร ไม่เคยใช้เพื่อช่วยพวกพ้อง หรือ ใช้เพื่อช่วยคนทุจริต ส่วนที่เคยออกคำสั่งปลดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.นั้น ก็มีเหตุผลเช่นกัน
นายพุทธิพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีหากพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ถูกยุบจะสร้างความได้เปรียบให้กับพรรคพลังประชารัฐ ว่า เราไม่สนใจว่า พรรคไหนจะถูกยุบ หรือไม่ถูกยุบ และไม่คิดซ้ำเติม เพราะทุกพรรคการเมืองถือเป็นเพื่อนเรา สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคไหน ถือเป็นความรับผิดชอบของเขาเอง แต่เราขอเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ไม่เคยคิดว่าได้ประโยชน์ ได้เปรียบ หรือ เสียเปรียบแต่อย่างใด เช่นเดียวกับการจัดตั้งรัฐบาล ที่พรรคยังไม่คิดว่าจะต้องไปจับมือกับพรรคไหน แต่ตามหลักการ พรรคที่ได้เสียงข้างมากในสภาฯ ก็ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหา ซึ่งตอนนี้พรรคยังไม่ได้คิดเรื่องนั้น ขอทำงาน ทำหน้าที่ในขณะนี้ให้ดีที่สุด แล้วสุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง
นายพุทธิพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาพรรคพลังประชารัฐ ก็อบปี้นโยบายว่า ทุกพรรคการเมืองพยายามหานโยบายดีๆมาให้ประชาชน ซึ่งต่างคนต่างคิด คงไปก็อบปี้กันได้ยาก แต่สิ่งสำคัญคือเมื่อนำเสนอออกมาแล้วสามารถทำได้หรือไม่ แต่พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญว่าพูดแล้วต้องทำได้ ทำได้จริง ทำได้ทันที และทำได้เลย
ส่วนกรณี ครม.กทม.ของพลังประชารัฐ ที่จะทำการแถลงทุกวันอังคารจะแถลงเปิดนโยบายทุกวันอังคารนั้น สัปดาห์หน้าจะขอเลื่อนแถลงเป็นวันพุธที่ 20 ก.พ.แทน เพราะติดวันหยุดราชการ ซึ่งจะเป็นการเปิดนโยบายหารายได้ของคน กทม. ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะที่ผ่านมาคนอาจจะมองข้ามไป แต่พลังประชารัฐ จะมีทางเลือก และเสนอให้กับคน กทม.เป็นทางเลือกในการมีชีวิตที่ดีขึ้น