ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะลงนามในร่างกฎหมายความมั่นคงพรมแดนเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ หรือปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วน แต่ก็จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับรัฐสภาและใช้งบกองทัพมาสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ตามที่สัญญาและวางแผนไว้ ขณะที่ สมาชิกระดับสูงของพรรคเดโมแครต ออกมาตอบโต้ด้วยการกล่าวหาเขาว่า ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ และกระทำการที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ การสร้างกำแพงปิดพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโก เป็นคำมั่นสัญญาที่สำคัญระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง แต่ทรัมป์ก็ยังห่างไกลที่จะได้รับเงินงบประมาณที่จำเป็นเพื่อสร้างกำแพง ซึ่งนางแซนเดอร์ส ระบุในแถลงการณ์ว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ประธานาธิบดีกำลังจะทำตามคำมั่นสัญญาในการสร้างกำแพง ปกป้องพรมแดน และรักษาประเทศที่ยิ่งใหญ่ของทุกคน
เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า เขาจะใช้มาตรการพิเศษอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย ซึ่งรวมทั้งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อรับประกันว่า รัฐบาลสามารถยุติปัญหาความมั่นคงของชาติ และวิกฤตด้านมนุษยธรรมบริเวณพรมแดนได้
ทรัมป์ ซึ่งยอมรับความพ่ายแพ้ที่รัฐสภาไม่ได้จัดสรรเงินจำนวน 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามที่เขาต้องการเพื่อนำไปสร้างกำแพง ตกลงลงนามร่างกฎหมายงบประมาณของรัฐบาล ป้องกันการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลที่จะสร้างความเสียหายอีกครั้ง
สำหรับงบประมาณฉบับนี้ มีจำนวนเงินมากกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และหน่วยงานอื่น ๆ จนถึงวันที่ 30 กันยายน ซึ่งสิ้นสุดปีงบประมาณปัจจุบัน โดยเงินจำนวนนี้ แบ่งเงิน 1,370 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างรั้วใหม่ปิดพรมแดนระยะทาง 88.5 กิโลเมตรด้วย แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีต
