“เรืองไกร”ร้องศาล รธน. ไม่รับคำร้องยุบ ทษช.

2019-02-14 14:05:10

“เรืองไกร”ร้องศาล รธน. ไม่รับคำร้องยุบ ทษช.

Advertisement

"เรืองไกร"บุกยื่นศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง กกต. ชงยุบ ทษช. อ้างไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เมื่อวันที่ 14 ก.พ. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนา สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เข้ายื่นหนังสือร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ไม่รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ให้วินิจฉัยสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จากกรณีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า กกต. อาศัยเพียง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาใช้ในการลงมติดังกล่าว และมอบหมายให้นายทะเบียนมายื่นคำร้องซึ่งอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะการพิจารณาของกกต.จะต้องมีการไต่สวน สอบสวนให้ผู้ถูกกล่าวหาใช้สิทธิชี้แจงแสดงหลักฐาน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. ในหมวด 2 การสืบสวน การไต่สวน และการดำเนินคดี และระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 แต่เมื่อไม่ดำเนินการตามหลักการดังกล่าวย่อมอาจเข้าข่ายลักษณะกระทำการหรือละเว้นการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตามมาตรา 69 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.ได้ และหากศาลรัฐธรรมนูญดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ย่อมอาจขัดต่อหลักนิติธรรม ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง กำหนดไว้

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การกล่าวหาว่าการกระทำของพรรคเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งที่คำว่าปฏิปักษ์ไม่มีการจำกัดความไว้ในตอนต้นของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง จึงต้องตีความตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ฝ่ายตรงข้าม ข้าศึก ศัตรู ย่อมหมายความว่า พรรคไทยรักษาชาติอาจเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือข้าศึก ศัตรู ต่อการปกครอง ซึ่งข้อเท็จจริงที่ กกต.นำมาพิจารณานั้น เป็นการตีความไปเองให้เกินเลยไปกว่าตัวหนังสือที่ปรากฎในพยานหลักฐาน โดยในวันนี้ตนได้ทำหนังสือจำนวน 9 ชุด เพื่อยื่นให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกคนนำไปประกอบการพิจารณาในช่วงบ่ายวันนี้ด้วย ทั้งนี้ คำร้องของ กกต. มีปัญหาไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และหากมีการนำคำว่าปฏิปักษ์ไปวินิจฉัยตีความให้เกินเลยไปกว่าตัวหนังสือที่ปรากฏในพยานหลักฐาน จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณามีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือจำหน่ายคดี ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 77