ผบก.ป. แถลงผลปฏิบัติงานยุทธการกวาดลานวัด รวบคนร้ายหลบหนีคดีบวชเป็นพระ 18 ราย
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา ผูู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. และ พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติงานยุทธการกวาดลานวัดจับกุม 18 ผู้ต้องหา ซึ่งได้หนีคดีและมาบวชเป็นพระ รวมถึงก่อคดีระหว่างที่ดำรงตนเป็นพระภิกษุสงฆ์ทั้งในพื้นที่ กทม. และพื้นที่หลายจังหวัด แบ่งประเภทความผิดเป็น 4 กลุ่ม คือ 1 ความผิดเกี่ยวกับชีวิตร่างกายและเพศ 4 ราย 2 ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน 9 ราย 3 ความผิดคดีพิเศษ 1 ราย และ 4 ความผิดคดีที่รัฐเป็นผู้เสียหายอีก 4 ราย
พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบร่วมกันกับตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบข้อมูลบุคคลผู้มีหมายจับทั่วประเทศ พบว่าหนีไปบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ตามวัดหลายแห่งในหลายจังหวัด โดยมีคดีที่น่าสนใจ 3 คดีได้แก่ คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่จับกุมนายมนัส ชะบา หรือพระมนัส สุจิตโต ผู้ต้องหาในความผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งก่อเหตุในระหว่างที่บวชเป็นพระโดยมีพฤติการณ์ของคดีคือ ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 10 ขวบอาศัยกับยายในเพิงพักคนงานก่อสร้างซึ่งเป็นร้านขายชำ โดยนายมนัสมักจะมาซื้อเครื่องดื่มชูกำลังเป็นประจำ กระทั่งปลายเดือน มี.ค. 2561 ผู้เสียหายได้นำของที่คนร้ายสั่งไว้ส่งให้ในกุฏิพระ ก่อนจะถูกใช้กำลังเข้าปลุกปล้ำและมีการจับต้องถูกของสงวน แต่แล้วผู้เสียหายก็หนีออกมาได้และเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินการจับกุม แต่ปรากฏว่าคนร้ายไหวตัวทันจึงหลบหนีไปจำวัดที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา และถูกจับกุมได้ในท้ายที่สุด
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่จับกุมนายบุญชู จำปาศรี หรือ พระบุญชู ผู้ต้องหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น จับกุมได้ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ หลังหลบหนีคดีนานกว่า 15 ปี จนใกล้จะหมดอายุความพฤติการณ์ของคดีคือ เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 7 ม.ค. 2547 ผู้ต้องหาได้ร่วมกันกับเพื่อนผู้หญิงรายหนึ่ง ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย โดยนายบุญชู ได้ใช้ขวดปากฉลามแทงเข้าที่หน้าท้องจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาเพื่อนผู้หญิงได้ถูกจับกุมดำเนินคดี ขณะที่นายบุญชูหลบหนีหายไป
ส่วนคดีที่ 3 เจ้าหน้าที่จับกุมนายก้องชัชพงษ์ สุวรรรพรรค หรือ พระก้องชัชพงษ์ ผู้ต้องหาในคดี ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและหมายจับในคดี ร่วมกันโฆษณาข้อความเท็จ พฤติการณ์ของคดีคือ คนร้ายได้ทำการโฆษณาขายแพ็กเกจท่องเที่ยวทั้งการพูดและแผ่นพับใบปลิว รวมถึงโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อก่อนจะซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกและไม่ได้รับเงินคืน จึงรวมตัวแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กระทั่งล่าสุดถูกจับกุมได้หลังหลบหนีไปจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.สงขลา
พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวต่อว่า จากคดีดังกล่าวทั้งหมดผู้ต้องหาส่วนมากให้การรับสารภาพว่า มีจุดประสงค์ที่จะบวชเพื่อหนีคดีทั้งสิ้น โดยระหว่างที่นำตัวมาคุมขังนั้นได้ทำการจับสึกเรียบร้อยตามขั้นตอนแล้ว สำหรับต่อจากนี้จะมีการขยายผลตรวจหาหมายค้างเก่าว่ามีเพิ่มเติมหรือไม่พร้อมส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในโรงพักท้องที่ต่อไป