ล่าหนุ่มจีนฆ่ารัดคอชิงทรัพย์แม่ค้าขายเสื้อ

2019-02-12 13:15:46

ล่าหนุ่มจีนฆ่ารัดคอชิงทรัพย์แม่ค้าขายเสื้อ

Advertisement

ตร.ล่าหนุ่มจีนก่อเหตุฆ่ารัดคอแม่ค้าขายเสื้อผ้าชิงสร้อยทอง 3 บาท หลบหนีลอยนวล

เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 12 ก.พ. ร.ต.ท.พิเชษฐ์ศักดิ์ ปิยรัตนสถิตย์ รอง สว.(สอบสวน)สน.บางเขน รับแจ้งเหตุมีการฆาตกรรมภายในคอนโดแห่งหนึ่ง แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ท.ปรเมษฐ โพยนอก รอง ผกก.สส.สน.บางเขน พ.ต.ต.เข็มกล้า มั่นพลับ สวป.สน.บางเขน พ.ต.ท.นิเวศน์ นิลวดี สว.สส.สน.บางเขน ร.ต.อ.พรชัย ว่องประเสริฐการ รอง สว.สส.สน.บางเขน ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.)แพทย์นิติเวช รพ.ภูมิพล และกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง รุดเดินทางไปตรวจสอบ


ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดสูง 4 ชั้น ที่อาคาร 4 ชั้นเมื่อมาถึงหน้าห้องเลขที่ 564/38 พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน เจ้าหน้าที่ต้องถอดกระจกบานเกร็ดหน้าต่างหน้าห้องเพื่อเอื้อมมือไปปลดล็อกประตู จากการตรวจสอบภายในห้องพบศพ น.ส.อารยา ทรัพย์สวรรค์ อายุ70 ปี ที่อยู่108/128 หมู่ที่ 7 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขต กทม. สภาพศพนอนหงายลิ้นจุกปากอยู่บนเตียงสวมเสื้อแขนยาวลายดอก กางเกงขายาวสีดำ บริเวณลำคอมีรอยเขียวช้ำ ตรวจสอบภายในห้องพบร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สิน เจ้าหน้าที่ต้องนำเชือกโปลิศลายมากั้นที่เกิดเหตุเพื่อป้องกันผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าที่เกิดเหตุ

นายวีรวิชญ์ เชื้อสุขศานต์ทอง อายุ 30 ปี ลูกชายผู้ตายกล่าวว่า แม่ของตนมีอาชีพขายเสื้อผ้าส่ง-ปลีกอยู่ย่านสะพานใหม่ ก่อนเกิดเหตุตนได้รับโทรศัพท์จากน้องชายว่าแม่หายตัวไปตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยบอกว่าจะไปเปิดห้องเช่าให้คนที่มาเช่าห้องที่คอนโดดังกล่าวและให้พ่อเป็นคนเฝ้าร้านขายเสื้อผ้า จากนั้นตนและน้องชายจึงเดินทางไปที่คอนโดดังกล่าวพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียนป้ายเขียว 1ฒม 1523 กรุงเทพมหานคร ของผู้ตายจอดอยู่จึงรีบขึ้นไปดูบนห้องก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบจนทราบว่าแม่เสียชีวิตแล้ว


พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของคอนโดพบว่ามีชายต่างชาติสัญชาติจีน อายุประมาณ 40 ปี เข้าไปในห้องพร้อมกับผู้ตายเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ก่อนจะเดินออกมาจากห้องคนเดียวเมื่อเวลา 15.00 น.โดยในมือถือเชือกสีชาวและถุงพลาสติกใส่ของบางอย่างออกมาด้วย ซึ่งจากการสอบถามลูกชายผู้ตายทราบว่า ชายดังกล่าวเป็นชาวจีนที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทยและติดต่อขอเช่าห้อง โดยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาชาวจีนคนดังกล่าวยังเคยยืมเงินจำนวน120,000 บาทและขโมยบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายไปกดเงิน 400,000 บาท ก่อนจะหลบหนีกลับประเทศจีนและขาดการติดต่อไป จนกระทั่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาได้รับการติดต่อกลับมาว่าจะคุยเรื่องการคืนเงินและนัดพูดคุยกันที่ห้องดังกล่าว

พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นคาดว่าน่าจะถูกฆาตกรรมชิงทรัพย์เนื่องจากทรัพย์สินของผู้ตายได้หายไปประกอบด้วย สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สร้อยข้อมือ 2 บาท แหวน 1 สลึง นอกจากนี้ภายในห้องยังพบร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สินอีกด้วย หลังจากนี้จะประสานไปยัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) เพื่อทำการป้องกันและติดตามตัวชาวจีนคนดังกล่าวมาทำการสอบสวนก่อนจะเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศ