ความรักหวานชื่นสุดๆ “แพทตี้ อังศุมาลิน” และแฟนหนุ่มดีกรีผู้กำกับ “แดน วรเวช” บ่มรักกันนานกว่า 8 ปี ไม่เร่งแพลนวิวาห์รอเวลาที่เหมาะสม ฟุ้ง! การดูแลเอาใจใส่ช่วยให้ความรักยืนนาน
เป็นคู่รักต่างวัยที่มีโมเมนต์น่ารักๆ ออกมาให้แฟนได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ สำหรับนักแสดงสาว “แพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา” และผู้กำกับและนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ “แดน วรเวช ดานุวงศ์” ที่บ่มรักกันมากว่า 8 ปีแล้ว ซึ่งก็ทำเอาแฟนๆ ลุ้นไปตามๆ กันว่าเมื่อไหร่ทั้งคู่จะมีข่าวดีกันสักที งานนี้สาวแพทตี้ก็ได้เล่าถึงเส้นทางความรักของทั้งคู่ว่า...
จุดเริ่มต้นระหว่าง “แพทตี้” กับ “แดน” เป็นมายังไง ?
“เจอกันในกองตอนนั้นเล่นซีรีส์ด้วยกัน หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้คุยกัน คือก่อนหน้าที่จะมาเจอเราก็ไม่ได้ปลื้มเขามาก่อนนะ บอกเลยว่าเด็กๆ เราไม่ได้สนใจเรื่องดารา วงการบันเทิง ละครไม่ได้ดู นักร้องไม่ดูว่าใครเป็นใคร แต่ว่าเราก็รู้ว่าเขาเป็นใครกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้แบบชื่นชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่แรก”
ร่วมงานกับแดนแล้วเป็นไง ?
“ไม่เป็นไงเลย เหมือนร่วมงานกับคนอื่นๆ ที่เราเคยร่วมงานอะไรอย่างนี้ ตอนนั้นเราสนิทกับ “พี่เต๋อ ฉันทวิชช์” มากกว่า เพราะเราเล่นหนังด้วยกัน อยู่ในกองช่วงนั้นก็คุยแต่กับพี่เต๋อมากกว่าด้วยซ้ำ แทบไม่ได้คุยกับพี่แดนเลยตอนนั้น”
จุดเปลี่ยนทำให้เริ่มคุยกัน ? ชอบอะไรในตัวแดน ? จำความรู้สึกวันแรกที่เขามาขอเป็นแฟนได้ไหม ? ก่อนหน้านี้เคยติดตามข่าวแดนบ้างไหม ? 8 ปีที่คบกันต้องปรับอะไรบ้าง ? วันสำคัญแดนเคยมีเซอร์ไพรส์ไหม ? ขอพรเรื่องความรักบ้างไหม ? มีวิธีเติมเต็มความรักยังไง ? คาดหวังกับความรักไหม ? อะไรที่ทำให้คบกันมานานขนาดนี้ ? วางแผนอนาคตไว้ยังไง ? ขอบคุณรูปจากอินสตาแกรม: @pattieung
ขอบคุณข้อมูลจาก: daradaily
“เขาก็เหมือนเริ่มค่อยๆ เข้ามาอะไรอย่างนี้ ด้วยซีรีส์มันเป็นซีรีส์ตลกอะ มันเป็นคอมเมดี้มากๆ แล้วบรรยากาศในกองมันก็เลยแบบแฮปปี้ เราก็เลยเห็นมุมบวกๆ ของกันและกัน เขาก็เห็นเราในโมเมนต์ที่ยิ้ม หัวเราะ เฮฮา มีความสุขอะไรอย่างนี้ เขาคงเห็นโมเมนต์นั้นมั้งคะ เราก็เห็นโมเมนต์นั้นของเขาเหมือนกัน แล้วเขาก็เริ่มเข้ามาคุย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ 8 ปีแล้ว”
“เขาเป็นคนทำอะไรทำจริง เป็นคนรักครอบครัว เป็นคนเหมือนทำอะไรเพื่อคนอื่นเสมอๆ เขาน่ารักอะ เราเองก็เคยถามพี่แดนเหมือนกันว่าชอบอะไรในตัวแพท แต่ว่าจำไม่ได้ว่าพี่แดนตอบว่าอะไร ก็คงอย่างนี้แหละมั้ง ก็คงชอบในความที่เราเป็นเราแบบนี้”
“ก็จำได้นะ มันก็ไม่มีอะไรหวือหวาขนาดนั้น ก็คุยกันถึงความรู้สึกจุดหนึ่งแล้ว พอเขาบอกก็คิดแล้วว่า งั้นเราก็ลองดู ลองศึกษากันดูว่าเป็นยังไง ตอนนั้นก็ช่วงแรกๆ อยู่ก็ไม่ได้หวือหวาอะไรขนาดนั้น เราทั้งคู่ก็ไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กันด้วย ชอบไปในที่ที่คนไม่เยอะมาก คนไม่ได้พลุกพล่าน กินง่ายๆ เหมือนกันอยู่ยังไงก็อยู่ได้ ชอบท่องเที่ยวก็มีความคล้ายกันอยู่บ้าง”
“ไม่ได้ติดตามเลย แต่ก็คือจะได้ยินจากคนอื่นพูดมากกว่า ว่าเขาอย่างนี้นะ เขาอย่างนั้นนะ แต่เราก็รับรู้ไว้ แบบใครเตือนเราก็ฟัง แต่สุดท้ายเราก็ต้องดูกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย สุดท้ายเราเป็นคนคุยกับเขาเรารู้ดีที่สุดว่ามันใช่ไหม บวกกับเวลาก็พิสูจน์ไปสิไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ก็ค่อยๆ ดูกันไป ว่าสุดท้ายมันใช่ไม่ใช่ยังไงก็ค่อยว่ากัน”
“มันก็มีบ้างอยู่แล้ว คนเราไม่ได้เกิดมาด้วยกันอะเนาะ มันก็ต้องมีอะไรที่ไม่เหมือนกัน ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมือนกัน หรือวิธีการคุยกันก็มีแต่ว่าก็ไม่ได้เยอะมาก แค่ปรับนิดๆ หน่อยๆ ไม่ถึงกับปรับเยอะ ก็ยังมีความเป็นตัวเองอยู่ทั้งคู่ ตอนนี้ทุกอย่างก็โอเคนะ แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันหรอกว่าแบบอนาคตเรามีอะไรต้องปรับไหม จะเจออะไรอีกหรือเปล่า ไม่ได้คาดหวังไว้สูงแต่ก็คิดเสมอว่าอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ก็เท่านั้นเอง”
“ไม่ค่อยมีนะ คือเหมือนแบบจะง่ายๆ คือสมมติอย่างวันเกิดใครอยากได้อะไรก็บอก เขาก็จะถามว่าวันเกิดปีนี้อยากได้อะไร ก็ซื้อในสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ก็บอกไปจริงๆ ไม่ได้มีโมเมนต์ที่ไปแอบซื้อมาแล้วเซอร์ไพรส์อะไรขนาดนั้น นอกจากว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเราอยากได้อะไรในช่วงนั้นแล้วอาจจะเซอร์ไพรส์เป็นแบบนี้มากกว่า”
“ไม่มีเลย ไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย ไม่เคยไปทำบุญเพื่อความรัก เราทั้งคู่เราก็คิดว่าส่วนหนึ่งอยู่ที่เราก่อน ว่าเราปฏิบัติยังไงถ้าเรายังดูแลความรักให้กันดีเหมือนเดิมสม่ำเสมอเหมือนเดิม มันเป็นไปได้ยากมากที่จะเกิดปัญหากับทั้งสองฝ่าย หรือแบบนอกจากว่าเราทำคนหนึ่งอีกคนไม่ทำ อันนี้เริ่มมีปัญหาแน่นอนแหละ ก็เลยอยู่ที่ตัวเราแต่ยังไม่เคยไปขอเรื่องความรักเลย”
“ส่วนใหญ่ก็คุยกัน ดูแลเอาใจใส่มากกว่า ใครเหนื่อยอีกคนก็เทกแคร์ดูแลสลับกันไป หมั่นเติมความรักให้กันทำให้ทุกวันมันยังแฮปปี้สดใสอยู่ แต่คู่เราก็ไม่ได้หวานมากนะ หนูว่าคนอื่นหวานกว่าเยอะมากเลย (หัวเราะ) ไม่ได้ถึงเทศกาลวาเลนไทน์ต้องซื้อดอกไม้มาให้ช่อโตๆ พาไปกินข้าวเลี้ยงภัตตาคารหรูๆ อย่างนี้ คือถ้าเทียบแล้วแพทว่าคู่เราไม่ได้หวานเท่าคู่อื่น คู่อื่นหวานกว่ามาก เราก็เป็นแบบของเราอย่างนี้”
“คือถ้ามีความรักมันก็มีอยู่แล้วที่คาดหวังว่าอยากให้มันโอเคนะ อยากให้มันไปถึงจุดที่เราอยากให้ไปถึง แต่อีกมุมหนึ่งก็ไม่ได้คิดไว้ขนาดนั้นก็เผื่อใจไว้นะ มันอาจจะไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่เราคิดมันก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ก็พยายามแบบ 50 - 50 ไว้ แต่ถ้าถามคาดหวังไหมมันก็มีบ้างแหละ คนเราทำอะไรสิ่งไหนมันก็อยากไปถึงจุดๆ นั้นอะไรอย่างนี้”
“ก็อย่างที่แพทบอก คือเหมือนการดูแลกันใส่ใจกันให้เกียรติกัน คือหลายๆ อย่าง มันต้องช่วยกัน ช่วยพยุงกันไป แบบเหมือนคอยเติมความรักให้กัน ไม่ใช่ว่าเหมือนพอคบกันไปนานๆ แล้วก็จะจืดชืด มองหน้ากันเออๆ จะกินอะไรเออๆ ก็ไม่ใช่ มันจะทำให้เราเบื่อง่าย มันก็จะเกิดขึ้นได้ถูกไหม คือในวันแรกที่เราเป็นแบบไหนกัน ก็ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่ทุกวันนี้ เพราะว่าเราตกหลุมรักกันในครั้งแรกที่เราเจอ ที่เราเห็นกันและกัน เป็นแบบนี้ในสิ่งที่เราชอบเขาตั้งแต่แรก ซึ่งทั้งคู่ก็ควรต้องรักษาสิ่งนี้ไว้ เพื่อให้มันยังคงสม่ำเสมอ ไม่ใช่ว่าตอนแรกแต่งตัวดีโน่นนี่นั่น พอผ่านไปประมาณ 5 ปี ไม่แต่งตัวเลยอย่างนี้ก็ไม่ได้ หรือเมื่อก่อนเราเคยพูดเพราะด้วยกันต่อมาพอผ่านมา 5 ปี พูดเออๆ หรือแบบไม่เพราะอย่างนี้ มันก็ไม่ใช่”
“ก็ยังไม่ได้วางอะไรกันขนาดนั้นหรอก ช่วงนี้ก็ทำงานกันยุ่งทั้งคู่ ก็มีคุยๆ กันบ้าง แต่ไม่ถึงกับซีเรียสจริงจังขนาดนั้น เราไม่ได้วางระยะเวลาไว้ว่าจะต้องกี่ปี มันก็หลายๆ อย่างเราก็ดูไปเรื่อยว่าเวลาเหมาะไหม เราก็ยังบอกไม่ได้ อย่างปีนี้แพลนพี่แดนก็เต็มปีแล้ว มีกำกับละคร 2 - 3 เรื่อง มีหนังอีก และมีละครที่เล่นเองอีก แค่นี้เวลาก็เต็มแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันถ้ามันจะถึงเวลามันคงจะถึงเองแหละ ทางครอบครัวก็ไม่ได้เร่ง เพราะที่บ้านพี่ๆ ยังไม่ได้แต่งงานเลย (หัวเราะ) และเราเป็นคนสุดท้องด้วยก็ยังไม่ได้เร่งอะไร”