คู่รักวิกหมอชิต “บูม กิตตน์ก้อง” ยืนยันแต่ง “กีฟ ภาราดา” แน่นอน แต่ยังไม่ใช่เร็วนี้ๆ ขอทำธุรกิจให้มั่นคงก่อน ฟุ้ง! บ้านไม่ได้รวย แต่ถูกเลี้ยงมาค่อนข้างดี หากจะรักผู้หญิงสักคนคงไม่เอาผู้หญิงเลวๆ มาเป็นแม่ของลูกในอนาคต...
อีกหนึ่งคู่ที่คบหากันมานานสำหรับหนุ่ม “บูม กิตตน์ก้อง ขำกฤษ” และหวานใจสาวสวยเซ็กซี่อย่างสาว “กีฟ ภาราดา โสตถิพิทักษ์” ที่ควงกันออกมาอัพเดตเรื่องข่าวดีที่ทุกคนรอลุ้นกันอยู่ว่าจะแต่งแน่นอน แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ ขอเวลาทำธุรกิจให้มั่นคงกว่านี้ก่อน
พร้อมกันนี้ทั้งคู่ยังได้เผยถึงเรื่องความสัมพันธ์ให้ฟังต่อว่า…. “หวานอยู่แล้วเรื่อยๆ แทบจะไม่เคยทะเลาะกันมาเป็นปีแล้ว เนื่องจากหากมีปัญหาอะไรจะหันหน้าเคลียร์กันตลอด ส่วนกระแสข่าวที่ฝ่ายหญิงถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก ว่าเป็นคนแรงไปแล้ว หนุ่มบูมเผยว่า ตนเลือกคนไม่ผิด และไม่สนใจเพราะคนเหล่านั้นเห็นแค่เสี้ยวเดียวของชีวิตเท่านั้นเอง”
คู่เราสองคนคบหาดูใจกันมานานกี่ปีแล้ว ?
บูม : “ถ้านับเป็นปีที่เราได้รู้จักกันมา สำหรับปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 7 แล้วครับ แต่ว่าเราเพิ่งจะคบกันเป็นแฟนแบบจริงจัง ก็เมื่อช่วงที่ผมปลดประจำการการเป็นทหารประมาณปี 2559 (ยิ้ม) ซึ่งความหวานที่ผมมีให้เขาก็ยังเหมือนเดิมนะ ทุกอย่างยังเท่าเดิม”
ถือว่าเป็นไปด้วยดีได้ไหมสำหรับความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ ?
กีฟ : “ก็ดีนะคะ ทั้งในมุมมองของเราสองคน รวมถึงมุมมองของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งกีฟรู้สึกว่าบูมเขาเป็นคนที่มีความอดทนมากๆ เนื่องจากว่า นิสัยส่วนตัวของกีฟ เป็นคนที่อารมณ์ค่อนข้างขึ้นๆ ลงๆ”
บูม : “อันนั้นจะเป็นเฉพาะช่วงที่เขาป่วยเป็นไทรอยด์ครับ รวมถึงจริงๆ เราเองก็ได้ตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่า เราจะทะเลาะกันให้ครบทุกเรื่องก่อน เพราะเมื่อเราทะเลาะกันครบแล้ว สุดท้ายเราก็จะสามารถอยู่ด้วยกันได้ครับ ซึ่งการทะเลาะกันของเราแต่ละครั้งนั้น มันจะต้องมีการคุยกันอยู่ตลอด เพื่อหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องทะเลาะกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ จากนั้นเราจึงค่อยๆ ปรับจูนกันและนั่นก็คือวิธีแก้ไขปัญหาของคู่เราครับ”
ทุกวันนี้ยังมีเรื่องทะเลาะใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกบ้างหรือเปล่า ?
บูม : “เกือบจะปีหนึ่งแล้วนะครับที่เราไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกัน นานมากๆ แล้ว เพราะอย่างที่ผมบอก เราทะเลาะกันมาเกือบจะครบทุกเรื่องแล้วจริงๆ แล้วทุกครั้งที่เราทะเลาะกันเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราอยากจะไปไหน เรามีแต่ความรู้สึกว่าเราอยากจะอยู่ด้วยกัน มันก็เลยทำให้เราผ่านจุดนั้นมาได้”
ถามกีฟบ้าง ตัวเราเองรู้สึกยังไงบ้างที่เขายอมและอดทนกับเรามาขนาดนี้ ?
กีฟ : “กีฟไม่ได้มองว่ามันเป็นความอดทนนะคะ แต่กีฟมองมันว่าเป็นความเข้าใจมากกว่า ซึ่งนี่คือข้อดีของเขาเลย อีกอย่างเขาเป็นคนที่ไม่เงียบเวลาเจอปัญหา เขาจะบอกกีฟตลอดว่าเราต้องทำความเข้าใจกับทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นว่าทำไมและเพราะอะไรเราถึงได้เป็นแบบนี้ เขาเป็นคนที่ทำให้กีฟรู้สึกว่ากีฟสามารถไว้ใจเขาได้ ซึ่งเรื่องนี้คืออีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ ค่ะ”
จากภาพลักษณ์ที่คนภายนอกมองเข้ามาที่คู่เรา เขาจะมองว่ากีฟเป็นคนตรงๆ เรารู้สึกอย่างนั้นไหม ?
บูม : “เขาเป็นคนตรงๆ จริงครับ แต่ถามว่าเขาเป็นคนแรงไหม อันนี้ผมก็เคยเห็นคอมเมนต์ เวลาที่คนวิจารณ์หรือต่อว่าเขานะ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วคุณไม่รู้อะไรเลย คุณเห็นแค่เพียงเสี้ยวเดียวแล้วมาตัดสินเขา ผมจึงอยากจะบอกกับทุกคนว่า ถึงแม้บ้านผมจะไม่ได้รวย แต่ผมก็ถูกเลี้ยงมาค่อนข้างดี และถ้าหากวันหนึ่งผมจะต้องรักผู้หญิงสักคน ผมคงไม่เอาผู้หญิงเลวๆ หรือผู้หญิงแบบที่พวกคุณด่ามาเป็นคนในครอบครัวหรือเป็นแม่ในอนาคตของลูกผมหรอกครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขอบคุณด้วยเพราะคุณอาจจะเป็นห่วงผม แต่ก็ไม่ต้องห่วงหรอกครับเพราะผู้หญิงคนนี้เขาก็ดีมากพอที่จะทำให้ผมเลือกที่จะอยู่กับเขา”
เราพอจะบอกได้ไหมว่าคอมเมนต์ที่เข้ามามันเป็นในลักษณะไหน ?
บูม : “ก็อาจจะด้วยข่าวของเขา หรืออาจจะด้วยภาพลักษณ์ที่เขาเป็นนางแบบเซ็กซี่ รวมถึงการที่เขาแสดงละครเป็นนางร้าย มันก็อาจจะทำให้คนตัดสินเขาไปได้ครับ”
เวลาเจอเรื่องแบบนี้เราสองคนให้กำลังใจกันยังไงบ้าง ?
กีฟ : “เหมือนเรารู้อยู่แล้วมากกว่าว่าเราเป็นคนแบบไหน เพราะคนส่วนใหญ่เขาจะตัดสินกีฟ จากบุคลิกภายนอก อย่างเช่นเรื่องที่กีฟไม่ค่อยยิ้มแย้ม จึงทำให้คนตัดสินว่ากีฟเป็นคนนิสัยไม่ดี เป็นคนหยิ่ง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากคุณได้มารู้จัก คุณจะรู้ว่ากีฟไม่ใช่คนแบบนั้น กีฟเป็นคนอัธยาศัยดีกว่าที่เห็นค่ะ”
โดยส่วนตัวเราคิดว่าข่าวในครอบครัวที่เกิดขึ้นทำให้เราดูเป็นคนแรงด้วยหรือเปล่า ?
กีฟ : “กีฟมองว่าคำว่าแรงกับคำว่าตรง คำสองคำนี้มันแตกต่างกัน อย่างเช่นบางคนที่แรงเขาอาจจะแรงโดยที่ไม่มีเหตุผลว่าทำไมเขาจะต้องทำแบบนั้น แต่สำหรับสิ่งที่กีฟทำทุกอย่างที่ทุกคนเห็นคือกีฟคุยกับคุณพ่อตลอด เรื่องการสัมภาษณ์ล่าสุดกีฟก็คุยกับพ่อแล้ว ซึ่งคุณพ่อก็ให้คำแนะนำมาว่าให้กีฟบอกความจริงไปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเพราะอะไรกีฟถึงต้องทำแบบนี้ แต่สุดท้ายกีฟก็เลือกที่จะไม่พูด”
บูม : “ผมรู้สึกว่าดีแล้วด้วยซ้ำที่เขาไม่พูด เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดไปทำไม และบูมก็อยากจะบอกด้วยว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีปัญหาบูมรู้รายละเอียดหมดทุกเรื่อง แต่บูมก็เลือกที่จะไม่พูดมาตลอดเหมือนกัน ดังนั้นบูมจึงอยากจะบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า ใครทำอะไรก็แล้วแต่บูมรู้หมด รวมถึงบูมเองก็เคารพในการตัดสินใจของกีฟด้วย เพราะบูมเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าหากวันนั้นเขาเลือกที่จะพูดหรือบอกความจริง ผมพูดได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจบ และกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน”
แสดงว่าเวลาที่เราให้สัมภาษณ์แต่ละครั้ง ก็จะมีกระแสโซเชียลเข้ามาต่อว่าเราค่อนข้างเยอะ ? กีฟ : “กีฟไม่ค่อยเข้าไปดูข่าวสักเท่าไหร่หรอกค่ะ นอกจากจะมีแฟนคลับมาบอก หรือก็จะมีบางคนอีกเหมือนกันที่เขายอมเสี่ยงตายเข้ามาในอินสตาแกรมกีฟ ซึ่งกีฟก็จะสวนกลับหมดหากคุณเข้ามาพูดอะไรโดยที่คุณไม่รู้ความจริง”
ตอนนี้คู่เราสองคนเริ่มวางแผนอนาคตเอาไว้บ้างหรือยัง ? บูม : “แต่งแน่นอนครับ แต่ว่าคงยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ ขอเวลาเราอีกสักนิดนึง เนื่องจากธุรกิจที่บูมทำอยู่มันก็เพิ่งจะเข้าสู่ปีที่ 2 บูมก็เลยอยากที่จะให้มันมั่นคงกว่านี้อีกสักหน่อย” แสดงว่าเราทั้งคู่ได้มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว ? บูม : “ยังครับ ยังเลย” ถ้าถามในมุมของความรู้สึกเราคิดว่าอีกกี่ปีถึงจะพร้อม ? บูม : “นี่ทุกคนตั้งใจจะไม่ให้ผมมีเซอร์ไพรส์อะไรเลยใช่ไหม (หัวเราะ)”
ขอบคุณรูปภาพจากอินสตาแกรม: @givedrarpdar_s
, @boom_kitkong ขอบคุณข้อมูลจาก: บันเทิง sanook
กีฟ : “สำหรับกีฟก็คงเหมือนกับที่บูมบอก คือเราอยากจะให้ธุรกิจที่เราสร้างร่วมกัน มันมั่นคงกว่านี้ก่อนค่ะ ขอให้มีอีกสัก 10 สาขาก่อนค่ะ”