ล่า! โจรแสบฉกทรัพย์ครูสอนดำน้ำ ช่วยชีวิต 13 หมูป่า

2019-02-06 12:55:32

ล่า! โจรแสบฉกทรัพย์ครูสอนดำน้ำ ช่วยชีวิต 13 หมูป่า

Advertisement

โจรแสบ! ทำเสียชื่อเสียงการท่องเที่ยว ย่องฉกเงินสด โทรศัพท์ของครูสอนดำน้ำชาวต่างชาติที่เคยดำน้ำถ้ำหลวงช่วยชีวิต 13 หมูป่า ตำรวจเร่งล่าตัวกู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเมืองคอน

วันที่ 6 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.ชัยภัทร ศรีเรือง รอง ผกก.สส. ประชุมเร่งด่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และที่สำคัญผู้เสียหายเป็นครูสอนดำน้ำชาวต่างชาติที่เคยมาดำน้ำถ้ำหลวงช่วยชีวิต 13 หมูป่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.พงษ์วุฒิ วุฒิพงษ์ รอง สว.สอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ ได้รับแจ้งมีคนร้ายลักทรัพย์ของนักท่องเที่ยวที่มาดำน้ำในพื้นที่ จึงไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ สถานที่ท่องเที่ยวบ้านทะเลสองห้อง หมู่ 6 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในเรื่องดำน้ำชมความงามภายในปล่องภูเขาไฟที่เคยระเบิดเมื่อหลายล้านปี จนมีนักดำน้ำชาวต่างชาติเดินทางมาดำน้ำกันทุกวัน พบผู้เสียหายยืนรอเจ้าหน้าที่ด้วยความตกใจ ทราบชื่อนายคลาวด์ อายุ 45 ปี ครูสอนดำน้ำมาจากประเทศเดนมาร์ก และชาวต่างชาติอีก 3 คน ที่มาเรียนดำน้ำ




จากการสอบสวนทราบว่านายคลาวด์ เป็นครูสอนดำน้ำ และเคยไปช่วยดำน้ำถ้ำหลวงเพื่อช่วยชีวิต 13 หมูป่าที่ติดถ้ำจนช่วยออกมาได้เสร็จสิ้นภารกิจ และกลับมาสอนดำน้ำอยู่ที่ จ.กระบี่ โดยตามปกติแล้ว นายคลาวด์จะนำนักเรียนมาสอนดำน้ำที่ทะเลสองห้อง แห่งนี้เป็นประจำเนื่องจากด้านล่างเป็นปล่องภูเขาไฟที่สวยงาม ลึกไม่มีสิ้นสุดมีชื่อเสียงติดอันดับระดับโลกสำหรับนักดำน้ำลึกที่เคยมาดำน้ำที่นี่

ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลา 17.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ. ขณะที่ทั้ง 3 คนลงไปดำน้ำประมาณ 45 นาที จึงขึ้นมาเพื่อเติมอากาศ พบว่ากุญแจรถที่ซ่อนไว้ใต้ยางปูพื้นในรถกระบะรถโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ชณ 7223 กรุงเทพมหานคร ที่บรรทุกถังออกซิเจน มาเต็มคัน หายไปจากที่ซ่อนเอาไว้ก่อนลงไปดำน้ำ จึงไปดึงประตูรถพบว่าประตูรถถูกเปิดไปก่อนแล้ว จึงตรวจสอบทรัพย์สินในกระเป๋าที่วางไว้ในรถพบว่าเงินสดได้หายไปรวมแล้วจำนวน สามหมื่นเจ็ดพันบาท และโทรศัพท์ 1 เครื่อง รวมแล้วค่าเสียหายประมาณ ห้าหมื่นบาท จากการตรวจสอบรอบที่เกิดเหตุคาดว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาอยู่ก่อนแล้ว และอาศัยช่วงใกล้ค่ำที่นักท่องเที่ยวลงดำน้ำ ไม่มีใครเฝ้ารถ และได้เห็นคนขับรถเอากุญแจไปวางไว้ท้ายรถจึงอาศัยช่วงไม่มีคนย่องเข้าไปลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษโดยเร็วที่สุดเพราะ การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของคนในพื้นที่