ในตอนที่แล้ว เราได้รู้จักความแตกต่างกันของคน 3 วัย 3 เจเนอเรชั่นกันไปบ้างแล้ว มาดูกันว่าความแตกต่างระหว่างวัยนั้น มีสาเหตุมาจากประสบการณ์แตกต่างกันในเรื่องใดบ้าง และทำให้กลุ่มคนแต่ละวัยมีพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์อย่างไรบ้าง...ไม่แน่ว่า ข้อมูลนี้จะตรงกับชีวิตของคุณและคนรอบตัวคุณก็เป็นได้
กลุ่มคนยุค 70 : ฟันฝ่าสมรภูมิวิกฤต
เนื่องจากกลุ่มคนรุ่นนี้เป็นมนุษย์ทำงานในยุคที่เศรษฐกิจเป็นพิษ ต้องพบเจอกับความลำบากทุกรูปแบบ เช่น ตกงาน สูญเสียบ้าน กิจการล้มละลาย เป็นต้น พร้อมกับการเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องปรับตัวกับยุคดิจิตอล ซึ่งผันผวนและไม่แน่นอน ทำให้ปัจจุบันพวกเขานำความชอกช้ำมาเป็นบทเรียนในการใช้ชีวิต นอกจากจะนิยมทำงานที่มีความมั่นคงแล้ว ยังมีนิสัยใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง เน้นการออม และช็อปปิ้งด้วยความรอบคอบ คีย์เวิร์ดสำหรับสินค้าสำหรับคนกลุ่มนี้ คือ ความคุ้นเคยกับแบรนด์, ความปลอดภัย และความทนทานของสินค้า เพื่อไม่ให้เลือกซื้อของแล้วมานั่งเสียดายเงินทีหลัง
กลุ่มคนยุค 80 : ผันผวนจากผลกระทบ
คนกลุ่มนี้จะทันเหตุการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิจในช่วงที่พวกเขาเป็นเด็ก ทำให้มีประสบการณ์ร่วมกับบรรดาพ่อแม่ที่ต้องผ่านวิกฤตดังกล่าวอย่างโชกโชน แต่ก็เป็นรุ่นที่ทันการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิตอล ทำให้คนรุ่นนี้ใช้ชีวิตยืดหยุ่นมาก นอกจากจะรู้จักใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และขยันหาเงินจากงานหลักและงานเสริมแล้ว ยังมีนิสัยช็อปปิ้งสินค้าที่เข้ากับตัวเองที่สุด และรอบคอบไม่แพ้คนรุ่น 70 คือ มักจะเปรียบเทียบราคา โปรโมชั่น และจุดดี-จุดด้อยจากตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ผู้ผลิตสินค้าและบริการจึงควรสร้างผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่ทำให้เขาได้เสนอความเป็นตัวเองออกมาให้โลกรู้
กลุ่มคนยุค 90 : ฝันไกลในยุคดิจิตอล
สำหรับคนกลุ่มนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่โตมาในยุคดิจิตอล พวกเขาจึงมองว่า เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตและผูกติดไลฟ์สไตล์เข้ากับสื่อและเครื่องมือใหม่ๆ ด้วยการนำเสนอตัวตนผ่านเทคโนโลยีอย่างโซเชียลมีเดีย มีสังคมออนไลน์ขนานไปกับสังคมในชีวิตจริง และด้วยยุคที่ทุกอย่างจะก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ฝันและใฝ่ในการทำงานที่ตัวเองรัก พร้อมกับมีนิสัยชอบลองบริโภคสินค้าและบริการใหม่ๆ พร้อมแชร์และรีวิวไปด้วย บรรดาแบรนด์ส่วนใหญ่จึงควรสร้างภาพลักษณ์ที่จริงใจกับลูกค้ามากๆ เพื่อให้พวกเขาไว้ใจที่จะใช้สินค้าต่อไปได้นานๆ นั่นเอง
ความต่างระหว่างคน 3 วัยเหล่านี้ ทำให้บรรดา SME ที่ต้องตีโจทย์ให้แตกเพื่อสร้างแบรนด์ให้เข้ากับความต่างนี้ ขณะเดียวกัน คนทั่วไปอย่างเราๆ จะได้รู้จักตัวตนและเข้าใจคนรอบข้างที่อยู่ในวัยต่างกัน ช่องว่างระหว่างวัยก็อาจลดลงเช่นกัน
ภาพ Dragon Images / Shutterstock.com