"ชวน"มั่นใจกวาด ส.ส.ตรัง 3 เขต

2019-02-04 13:15:30

"ชวน"มั่นใจกวาด ส.ส.ตรัง 3 เขต

Advertisement

"ชวน หลีกภัย" นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง ปชป. สมัครรับเลือกตั้ง มั่นใจกวาดทั้ง 3 เขต

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 4 ก.พ. นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ได้นัดรวมตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมดที่บ้านพักเลขที่ 183 ถนนวิเศษกุล ในเขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งประกอบไปด้วย ส.ส.ระบบเขต จ.ตรัง 3 คน คือ เขต 1 น.พ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ อดีต ส.ส.ตรัง 3 สมัย เขต 2 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.ตรัง 5 สมัย และอดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ เขต 3 น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ลูกสาวของนายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีต ส.ส.ตรัง 4 สมัย รวมทั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ อีก 1 คน คือ นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรัง 4 สมัย


จากนั้น นายชวน ได้นำทีมผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 4 คน เดินออกจากบ้านพักบนเพื่อไปลงสมัคร ส.ส. ที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์ตรัง ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 ม. เป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้สมัคร ส.ส. สำหรับการสู้ศึกเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้ เพื่อกวาดเก้าอี้ให้ครบทั้ง 3 เขตอีกครั้งและครั้งนี้จะเป็นสมัยแรกที่เก้าอี้ ส.ส.ตรัง ลดลงไป 1 นั่ง จากเดิมที่มี 4 ที่นั่ง นอกจากนั้น ได้มีบรรดาหัวคะแนน กองเชียร์ และผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ติดตามไปด้วยเป็นจำนวนมากพร้อมกับรถแห่จนสร้างความครึกครื้นให้เป็นอย่างยิ่ง


นายชวน กล่าวว่า มาเพื่อให้กำลังใจให้แก่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ตนเองเติบโตทางชีวิตการเมืองที่ จ.ตรัง มาเมื่อ 50 ปีที่แล้วเพียงแต่สมัยนี้เก้าอี้ ส.ส.ระบบเขตลดลงไป 1 ที่นั่ง แต่ไม่รู้สึกหวั่นไหว เพราะยึดมั่นการเมืองที่ซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอดจึงทำให้พรรคได้รับความนิยมมาทุกยุคทุกสมัยและจะไม่มีทางเปลี่ยนการเมืองไปเป็นอย่างอื่น เช่น การทุจริต การซื้อเสียงโดยเด็ดขาดจึงอยากให้ชาวตรังและชาวไทยทั่วประเทศช่วยกันเลือกคนดีเข้ามาบริหารประเทศ เพราะเราเคยมีประสบการณ์หรือมีบทเรียนทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาจนทหารต้องเข้ามายึดอำนาจ ส่วนหนึ่งไม่ใช่ความผิดของรัฐธรรมนูญ แต่มาจากความผิดของตัวบุคคล ที่ประพฤติปฏิบัติไม่อยู่ในร่องในรอยของระบอบประชาธิปไตย จึงทำให้มีปัญหาเกิดขึ้น


ส่วนกระแสของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตกลงในภาคใต้รวมทั้ง จ.ตรัง นั้น นายชวน กล่าวว่า ปกติประชาชนก็จะเปลี่ยนหากเห็นว่านักการเมืองที่เขาเลือกมีพฤติกรรมไม่ดี เช่น ขายตัว ทำอะไรที่ไม่สุจริต เขาก็จะไม่เลือกในช่วงตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าเขาเห็นดีเขาก็จะเลือก เพราะฉะนั้นไม่ใช่หมายความว่าการเลือกหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเอง ประชาชนเขาฉลาดที่จะตัดสินใจได้ว่า อะไรคืออะไร คนนอกที่ไม่ค่อยรู้ที่ไปที่มายังคงเข้าใจว่าการเมืองต้องเปลี่ยนทุกครั้งแต่เป็นความคิดของบางพื้นที่ ที่เข้ามาแล้วโกงกินแล้วสักพักก็เปลี่ยนคนใหม่เข้ามาโกงกินต่อแต่ที่ จ.ตรัง ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคนที่ทำอะไรที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต คือการทรยศต่อประชาชนและสุดท้ายคนเหล่านั้น พรรคเหล่านั้นก็ไม่อาจเกิดที่ จ.ตรัง ได้