องค์การยูนิเซฟแนะไทยใช้มาตรการเด็ดขาดแก้ฝุ่นพิษ

2019-02-01 17:40:44

องค์การยูนิเซฟแนะไทยใช้มาตรการเด็ดขาดแก้ฝุ่นพิษ

Advertisement

องค์การยูนิเซฟประเทศไทย ห่วงผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ทำลายเซลล์สมองเด็ก ส่งผลต่อพัฒนาการทางสติปัญญา  แนะช่วงฝุ่นพิษสูงพยายามอยู่ในบ้าน ทำห้องนอนให้สะอาด สวมหน้ากาก N95  แนะรัฐบาลไทยมีมาตรการชัดเจน เด็ดขาด แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ควบคุมการปล่อยอากาศเสีย ลงทุนพลังงานทดแทน ระบบขนส่งมวลชน การจัดการของเสีย




เมื่อวันที่ 1 ก.พ. องค์การยูนิเซฟประเทศไทยแสดงความกังวลเกี่ยวกับระดับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งระดับฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สูงนี้ ส่งผลกระทบต่อเด็กอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ปกติแล้วเด็กมีอัตราการหายใจถี่กว่าผู้ใหญ่ นั่นหมายความว่าเด็กจะสูดอากาศที่มีมลพิษเข้าไปมากกว่าผู้ใหญ่ ยิ่งเด็กอายุน้อยเท่าไร อัตราการหายใจต่อนาทีก็ยิ่งถี่มากขึ้นเท่านั้นและเนื่องจากอวัยวะของเด็กกำลังพัฒนา จึงมีความเปราะบางต่อผลกระทบต่างๆ มากกว่าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เมื่อฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ผ่านเข้าไปในสมองของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กที่อยู่ในครรภ์มารดา ฝุ่นละอองเหล่านี้จะทำลายเซลล์สมอง ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสติปัญญา ซึ่งสามารถส่งผลต่อการเรียนรู้ ความเป็นอยู่ และความสามารถในการประกอบอาชีพในระยะยาวด้วย

นอกจากนี้มลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นยังมีความเสี่ยงมากที่สุดต่อเด็กที่อยู่ในครอบครัวยากจน ถึงแม้ว่าทุกคนหายใจโดยใช้อากาศร่วมกัน แต่เด็กจากครอบครัวที่ยากจนไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกรองอากาศหรือหน้ากาก N95 อีกทั้งเด็กๆเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาอยู่ข้างนอกมากกว่าด้วย


องค์การยูนิเซฟมีมาตรการเร่งด่วนที่ทางองค์การอนามัยโลกแนะนำเพื่อลดความเสี่ยงของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อเด็กและบุคคลทั่วไปคือพยายามอยู่ในบ้านเมื่อฝุ่นละอองมีอัตราสูง ทำห้องนอนให้สะอาดโดยเฉพาะสำหรับเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ควรเป็นห้องที่มีหน้าต่างน้อยๆ หรือพยายามไม่เปิดประตูและหน้าต่างและหากจำเป็นต้องออกไปข้างนอกเป็นเวลานาน ควรสวมหน้ากากอนามัย รุ่น N95 ที่ขนาดพอดี อย่างไรก็ตามแนวทางเร่งด่วนเหล่านี้จะช่วยบรรเทาความเสี่ยงต่อเด็กๆ ในระยะสั้น การลดระดับฝุ่นละอองขนาดเล็กให้ได้นั้น จะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนเพียงทางเดียวที่จะช่วยปกป้องสุขภาพของเด็กได้

องค์การยูนิเซฟเล็งเห็นถึงความพยายามของรัฐบาลไทยในการหาทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยสถานการณ์ปัจจุบันนี้เป็นเหมือนการตอกย้ำว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีมาตรการที่ชัดเจนและเด็ดขาด เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ซึ่งรวมถึงการควบคุมการปล่อยอากาศเสีย การลงทุนในพลังงานทดแทน ระบบขนส่งมวลชน และการจัดการของเสียทางเคมีและการเกษตรที่ได้ประสิทธิภาพ มีเพียงแนวทางการแก้ปัญหาระยะยาวเท่านั้นที่จะช่วยให้เด็กๆ เติบโตในสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ และเรียนรู้ได้อย่างไม่จำกัด การแก้ปัญหาวิกฤตฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพจะสำเร็จได้ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของรัฐ ร่วมกันแก้ไขปัญหาเพื่อเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับเด็ก