"ทนายรณณรงค์" พร้อมพ่อแม่โจ๋ 16 ปีขี่รถ จยย.หนีตำรวจเสียชีวิต เข้าพบ ผบก.ภ.จว.ราชบุรีทวงความคืบหน้าคดี พร้อมเปลี่ยนพนักงานสอบสวนใหม่
จากกรณีที่นางจารีย์ มูลมะณี อายุ 41 ปี และ นายลำไพ บัวสิน อายุ 61 ปี ชาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมด้วย นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อกองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังคดีของลูกชาย นายอนุชา มูลมะณี หรือ น้องวิ อายุ 16 ปี พร้อมกับ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เพื่อนที่นั่งซ้อนท้าย ได้ขี่รถ จยย. หลบหนีตำรวจจราจร สภ.บ้านโป่ง ยศ ส.ต.ท. จนประสบอุบัติเหตุรถไปชนกำแพงสุสานส่งผลให้บุตรชายซึ่งเป็นคนขี่เสียชีวิต ส่วนนายเอได้รับบาดเจ็บ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้เวลาผ่านมานานถึง 5 เดือน แต่คดียังไม่คืบ
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายรณณรงค์ พร้อมด้วยพ่อแม่ของผู้ตาย ได้เข้าพบกับ พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล ผบก.ภ.จว.ราชบุรี และ พ.ต.อ.ณัชชัชพงศ์ ศศลักษณ์ศนานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี ซึ่งดูแลในคดีนี้เพื่อขอทราบความคืบหน้าของคดีและต้องการให้มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนด้วย
พล.ต.ต.อนุภาพ กล่าวว่า ในวันนี้ทางทนายความได้พาพ่อแม่ของผู้ตายมาพบ ซึ่งมี 2-3 ประเด็นที่ทางผู้เสียหายต้องการให้สอบปากคำเพิ่มเติม และในวันนี้ทางตำรวจก็จะส่งสำนวนคดีไปให้ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) รับไปดำเนินการ เพราะสำนวนคดีและผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ออกมาหมดแล้ว จากการพูดคุยกันทางญาติของผู้เสียหายก็พอใจในระดับหนึ่ง และเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรม ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นที่ทางญาติสงสัยนั้นมีอยู่สำนวนคดีหมดแล้ว
พล.ต.ต.อนุภาพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้ตั้งข้อกล่าวหา ส.ต.ท. ในข้อหาทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทางวินัยแล้ว ส่วนหลักฐานต่างๆนั้นได้รวบรวมหลักฐาน พยานแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นภาพจากล้องวงจรปิดตามเส้นทาง ตั้งแต่บริเวณหน้าวัดบ้านโป่งไปจนถึงจุดเกิดเหตุ โดยได้ประสานไปยังกองพิสูจน์หลักฐานภูธร จ.ราชบุรี เพื่อตรวจสอบสภาพจุดเกิดเหตุ และสภาพรถที่ถูกชน รวมทั้งในส่วนของกองพิสูจน์หลักฐานภาค 7 เพื่อทำการตรวจสอบด้านวิศวกรรม หาสภาพการชน ความเร็ว จุดปะทะ และความรุนแรงของการกระแทกอย่างละเอียด ซึ่งได้ผลตรวจสอบมาทั้งหมดแล้ว แต่เมื่อทางญาติมีประเด็นอื่นที่ยังข้องใจอยู่ก็จะให้ทางพนักงานสอบสวนของกลุ่มงานสอบสวนของตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ได้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม และยืนยันว่าตำรวจได้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา และจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
