อันตรายใกล้ตัว แพทย์ย้ำเตือน "ลูกโป่ง-กาวยาง" มีสารระเหยทำลายสมอง ชี้หากเด็กสูดดมมากอาจเป็นโรค "สมองฝ่อถาวร"
นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวย้ำเตือนผู้ปกครองถึงอันตรายของ "ลูกโป่ง-กาวยาง" ที่ลูกหลานนำมาเล่น ว่า "ลูกโป่ง-กาวยาง" มีสารระเหยที่ได้จากขบวนการผลิตน้ำมันปิโตรเลียม มีลักษณะเป็นไอ ละลายได้ดีในไขมัน ระเหยได้รวดเร็วในอากาศ ออกฤทธิ์กระตุ้นและกดประสาทส่วนกลาง โดยผลิตภัณฑ์ที่มีสารระเหยเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ ทินเนอร์ แลคเกอร์ ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ กาวอินทรีย์สังเคราะห์ที่มียางนิโอปรีน หรือสารกลุ่มไวนิล เป็นตัวประสาน
เมื่อสูดดมสารระเหยเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย จะได้รับพิษระยะเฉียบพลัน ทำให้ตื่นเต้น ร่าเริง มีอาการคล้ายคนเมา ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ หูแว่ว นอนไม่หลับ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หากเสพต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกายจะถูกทำลาย ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ โรคมะเร็งปอด และโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว เป็นต้น
ขณะเดียวกันสารพิษจะเข้าไปทำลายเซลล์ประสาท ระบบประสาทและสมอง ทำให้สมองเสื่อม อาจถึงขั้นพิการทางสมอง จนกลายเป็นโรค “สมองฝ่อถาวร” และจากข้อมูลทางการแพทย์ ยังไม่พบว่ามียา หรือวิธีการใดๆ ที่จะสามารถรักษาโรคสมองฝ่อถาวรให้หายเป็นปกติได้ นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงของการสูดดมสารระเหยเข้าไป คือ จะทำให้ระบบกล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน กล้ามเนื้อลีบ มือสั่น การทรงตัวไม่ดี อาจเป็นอัมพาตที่แขน หรือขา และบางรายอาจมีอาการทางประสาทร่วมด้วย
ทั้งนี้ หากพบเห็นการจำหน่ายลูกโป่ง-กาวยาง หรือพบโฆษณาทางสื่อต่างๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน สคบ.1166 ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ถ้าเป็นผู้ผลิต หรือเป็นผู้สั่ง หรือนําเข้าเพื่อขาย มีโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ