“อภิสิทธิ์”เปิดตัว 62 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ ระบุต้องพัฒนาเป็นอารยธรรมล้านนามหานคร ให้ประชาชนมีโอกาสสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ชี้ประชาชนต้องเป็นใหญ่ไม่ใช่แค่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 27 ม.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคเหนือ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เดินทางมายังพุทธสถาน จ.เชียงใหม่ เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือของพรรคทั้งหมด 16 จังหวัด 62 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ และเชียงราย
นายอภิสิทธิ์ ปราศรัยว่า ครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ ส่งผู้สมัครครบทุกเขตการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ผูกพันกับชาวเหนือมาตั้งแต่รุ่นผู้ก่อตั้งพรรค และผู้ใหญ่หลายคนในพรรค เราผูกพันกับพี่น้องชาวเหนือและเห็นว่าพี่น้องคนไทยจะต้องมาเป็นที่หนึ่งของประเทศ ความเป็นพรรคประชาธิปัตย์อยู่กับพี่น้องชาวเหนือหลายพื้นที่และหลายครอบครัว หลายคนไม่เคยทราบว่าในการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์เคยได้คะแนนจากภาคเหนือเยอะมาก 30 - 40% แต่เนื่องด้วยระบบการเลือกตั้งทำให้เรามีผู้แทนในสภาฯ น้อยลง แต่ตอนนี้ระบบเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปแล้วหากประชาชนมาเลือกเรามากเท่าไหร่ ประชาธิปัตย์ก็จะมีโอกาสได้ผู้แทนในสภามากเท่านั้น เรารอคอยการเลือกตั้งมามากกว่า 5 ปีแล้ว ไม่เคยนานขนาดนี้ พวกเราตกงานไม่เป็นไรแต่พี่น้องไม่มีผู้แทนมาดูแลหรือเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้หากเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องทำให้ทุกคนหลุดพ้นจากความยากจนให้ได้ เราอยากเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์จะทำ 3 อย่างคือ "แก้จน สร้างคน สร้างชาติ" 1.แก้จน โดยการสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเงินจาก 500 บาทเป็น 800 บาทและสามารถกดเงินสดออกมาใช้จ่ายได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านร้านค้าธงฟ้าอย่างเดียว นโยบายโฉนดสีฟ้า ต่อยอดจากนโยบายโฉนดชุมชน ให้ประชาชนมีความมั่นคงในที่ดินทำกิน มีโฉนดภายใน 4 ปี ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 เอาไปใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนทำมาหากินได้ เพราะ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้ ม.44 ให้ใช้ที่ดินสาธารณะทำเหมืองหรือผลิตพลังงาน แต่ไม่เคยใช้ ม.44 มาช่วยเหลือ หรือแก้ไขปัญหาให้เกษตรก ส่วนปัญหาเรื่องน้ำ ประชาธิปัตย์ จะให้มีกองทุนน้ำชุมชน ให้ชุมชนบริหารจัดการขุดแหล่งน้ำและกระจายน้ำเข้าสู่ไร่นา มีระบบประกันภัยพืชผลจากภัยธรรมชาติ และตั้งเป้าหมายราคาพืชผลการเกษตรทุกตัว เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำมากกว่า 120,000 บาทต่อปี เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาทต่อเดือน เพิ่มเงิน อสม. 1,000 บาทต่อเดือน โดยจะต้องมีที่มาของเงินและไม่ทำให้บ้านเมืองล้มละลาย ขณะเดียวกันประชาชนที่เข้าหลักเกณฑ์จะต้องได้รับสิทธิ์นี้อย่างทั่วถึง นั่นคือรัฐสวัสดิการ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า 2. สร้างคน โดยนโยบายเกิดปั๊บรับสิทธิ์แสน ให้เงินเด็กแรกเกิด 5,000 บาทและจ่ายให้ทุกเดือนเดือนละ 1,000 บาท จนกว่าจะถึง 8 ขวบ ปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพิ่มสิทธิ์วันลาคลอดให้นานขึ้น อาหารเช้าและอาหารกลางวันฟรีจนถึงมัธยมศึกษา เรียนฟรีจนถึงชั้น ปวส. และส่งเสริมการศึกษาสายอาชีพให้เชื่อมโยงกับเอกชนเพื่อให้จบแล้วมีงานทำทันที แจกคูปองเพิ่มทักษะ 3,500 บาทจำนวนหนึ่งล้านคนต่อปี เช่น การเรียนภาษา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า 3. สร้างชาติ เร่งปราบปรามยาเสพติด ต้องยอมรับว่าการแพร่ระบาดของยาเสพติดมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นด้วย จึงเพิ่มอำนาจคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป ส.) ให้ส่งฟ้องไปยังอัยการได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งตำรวจ ให้ประชาชนเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดได้ด้วยตนเอง และยกระดับจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมล้านนา ในส่วนของภาคเหนือตอนบนจะต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นอารยธรรมล้านนามหานคร เป็นช่องทางให้ประชาชนได้มีโอกาสสร้างรายได้ จากการท่องเที่ยว การสร้างเศรษฐกิจในชุมชน ตามแนวทางที่ประชาชนต้องการไม่ใช่สร้างให้ คนข้างนอก หรือคนอื่นมาใช้ประโยชน์ แต่ประชาชนในพื้นที่ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ถ้าจะมีสิ่งที่มาจากข้างนอกคือการสนับสนุนเงินทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับทั้งรถไฟ ระบบราง พัฒนาถนน หรือการจัดให้เชียงใหม่เป็นเมืองพิเศษก็ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ได้มาทันทีเราต้องมีพรรคการเมืองและรัฐบาล ที่ให้ประชาชนเป็นใหญ่ประชาธิปไตยสุจริต ไม่ใช่ใหญ่เฉพาะตอนเลือกตั้ง ต้องฟังว่าประชาชนต้องการอะไร ต้องยอมรับการตรวจสอบของทุกฝ่าย กระทั่งจากประชาชน สื่อมวลชน องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
“ประชาชนต้องเป็นใหญ่ไม่ใช่แค่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เป็น ส.ส. แล้ว เป็นนายกฯแล้ว ต้องไม่ลืมว่าประชาชนต้องเป็นใหญ่ และประชาธิปไตยต้องสุจริต ดังนั้น ประเทศต้องมีนายกรัฐมนตรีซึ่งต้องเป็นนายกฯที่ฟังเสียง ส.ส. ที่เป็นตัวแทนของประชาชน และต้องเป็นนายกฯ ที่เคารพการตรวจสอบโดยประชาชน สื่อมวลชน องค์กรอิสระ และองค์กรตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อจะได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีชาติไหนที่สร้างได้ด้วยผู้มีอำนาจที่ทุจริต เราจึงต้องการมีผู้นำที่มีความสุจริต พรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 7 คน เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 4 คน โดยไม่เคยมีคนไหนที่ต้องมลทิน ทุจริตคอร์รัปชัน”นายอภิสิทธิ์ กล่าว