กสม. หนุนไม่ให้สอบเข้าอนุบาล- ป.1

2019-01-27 21:45:29

กสม. หนุนไม่ให้สอบเข้าอนุบาล- ป.1

Advertisement

กสม. ส่งหนังสือถึง สนช. เสนอความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.  หนุนไม่ให้มีการสอบเข้าเรียนชั้นอนุบาล-ประถมศึกษาปีที่ 1 เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กตามวัย

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ... ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติรับหลักการเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2561 และขณะนี้ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บดังกล่าว โดยเห็นว่าเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กปฐมวัยซึ่งจะเจริญเติบโตเป็นทรัพยากรสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต ที่ประชุม กสม. จึงมีมติให้เสนอความเห็นต่อรัฐสภาเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาและตนได้ลงนามในหนังสือส่งความเห็นนี้แจ้งประธาน สนช.เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมาแล้ว

นายวัส กล่าวว่า กสม. เห็นว่าโดยทั่วไปร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีสาระสำคัญที่สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งได้รับรองสิทธิในการอยู่รอดและการได้รับการพัฒนาไว้หลายประการ รวมทั้งแนวคิดว่าด้วยการดูแลและให้การศึกษาแก่เด็กปฐมวัยขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) แนวคิดว่าด้วยการพัฒนาเด็กปฐมวัยขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติด้านการศึกษา (UN SDG4) โดยให้มีคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยทำหน้าที่ขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายนี้ ซึ่งเน้นการทำงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและเตรียมความพร้อมให้แก่เด็กวัยนี้แบบองค์รวม ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา

“ตามแนวคิดว่าด้วยการดูแลและให้การศึกษาแก่เด็กปฐมวัยของ UNESCO เด็กปฐมวัย (Early childhood) หมายถึง เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 8 ปี หรือนับแต่วัยทารก วัยเรียนระดับอนุบาล จนถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 2 ดังนั้นการที่ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ (มาตรา 3) นิยาม “เด็กปฐมวัย” หมายถึง เด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าหกปีบริบูรณ์และให้หมายความรวมถึงเด็กซึ่งต้องได้รับการพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษาในระดับประถมศึกษา จึงน่าจะไม่สอดคล้องแนวคิดว่าด้วยการดูแลและให้การศึกษาแก่เด็กปฐมวัย” ประธาน กสม. ระบุ

นายวัส กล่าวอีกว่า การที่ร่างพระราชบัญญัตินี้ (มาตรา 14 (6) และ (7)) กำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย และกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรับเด็กปฐมวัยเข้าศึกษาในระดับอนุบาลและระดับประถมศึกษา เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กปฐมวัยตามลำดับนั้น กสม. มีความเห็นว่า มาตรฐาน แนวปฏิบัติ และหลักเกณฑ์ดังกล่าว ควรคำนึงถึงพัฒนาการของเด็กและการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวมในด้านต่าง ๆ ของเด็ก นอกจากนี้ ควรจัดให้มีหลักสูตรแกนกลางในการพัฒนาเด็กปฐมวัยและหลักสูตรสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย รวมทั้งให้มีการประเมินผลการนำไปใช้ด้วย ส่วนการขับเคลื่อนนโยบาย ติดตาม กำกับ ดูแลและประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กประถมวัยทั้งระบบ คณะกรรมการนโยบายพัฒนาเด็กประถมวัยควรมอบหมายให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เป็นหน่วยงานประสานให้เกิดเอกภาพตามแผนงานและนโยบายที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว

“จากผลการศึกษาวิจัยเรื่องผลจากระบบคัดเลือกเข้าศึกษาในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พบว่า การคัดเลือกโดยการสอบแข่งขันจะส่งผลทางลบต่อพัฒนาการของเด็กทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา การเน้นให้เด็กเรียนรู้ด้วยการท่องจำและฝึกทักษะทางวิชาการ ทำให้สมองของเด็กวัยนี้ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมกับวัย ทั้งยังส่งผลต่อการสร้างความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวด้วย แม้ว่าร่างพระราชบัญญัตินี้ (มาตรา 8) กำหนดว่า การจัดการเรียนรู้ของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นไปเพื่อเตรียมความพร้อมของเด็กปฐมวัย แต่ต้องไม่เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการสอบแข่งขันระหว่างเด็กปฐมวัย ร่างพระราชบัญญัตินี้ควรมีมาตรการหรือแนวปฏิบัติอื่นที่เป็นหลักประกันว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยและโรงเรียนระดับประถมศึกษาจะไม่ใช้การสอบแข่งขันในระหว่างที่เด็กอยู่ในสถานพัฒนาดังกล่าวหรือในการคัดเลือกเด็กเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา” นายวัส กล่าว