เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย เริ่มเคลื่อนย้ายจระเข้หลายร้อยตัวจากสถานที่ตั้ง “อนุสาวรีย์แห่งเอกภาพ” ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของซาร์ดาร์ วัลลัภภัย ปาเทล หนึ่งในบิดาผู้ก่อตั้งอินเดีย ในรัฐคุชราช ส่งผลให้กลุ่มอนุรักษ์ทั้งหลาย พากันไม่พอใจ และแสดงความวิตกกังวลต่อสวัสดิภาพของจระเข้เหล่านี้
สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานว่า จระเข้หลายร้อยตัว ถูกย้ายไปอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่สามารถให้บริการเครื่องบินทะเลในการรับนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมรูปปั้นขนาดความสูง 597 ฟุตแห่งนี้ ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดีย เป็นประธานเปิดงาน
ส่วนหนังสือพิมพ์เอ็กซ์เพรส ของอินเดีย รายงานว่า มีจระเข้อย่างน้อย 15 ตัว จากทั้งหมดเกือบ 500 ตัว ถูกล่อเข้าไปติดในกรงเหล็ก และนำพวกมันไปอยู่ที่อื่น ในภาคตะวันตกของรัฐคุชราช แต่ยังเหลืออีกหลายร้อยตัวในแม่น้ำที่รายรอบอนุสาวรีย์แห่งนี้ ซึ่งปฏิบัติการจับจระเข้ครั้งนี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มอนุรักษ์และนักการเมือง ซึ่งหลายคนบอกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และบางคนตั้งคำถามว่าการเคลื่อนย้ายจระเข้ครั้งนี้ เป็นการละเมิดกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าของประเทศหรือไม่

ทั้งนี้ จระเข้ถือเป็นสัตว์คุ้มครองในอินเดีย อยู่ในบัญชี 1 ของกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งหมายความว่า จะไม่ใครสามารถเคลื่อนย้ายพวกมันออกนอกพื้นที่ได้ จนกว่า รัฐบาลของรัฐจะพิจารณาว่า มันเป็นความจำเป็นเพื่อการพัฒนา และบริหารจัดการจระเข้เหล่านี้ได้ดีขึ้น
อนุรถา ซาฮู เจ้าหน้าที่ป่าไม้ท้องถิ่น กล่าวว่า รัฐบาลของรัฐสั่งให้ย้ายจระเข้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เพราะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มจำนวนมากขึ้น

รูปปั้นแห่งเอกภาพ ของนายซาร์ดาร์ วัลลัภภัย ปาเทล ผู้นำทางการเมืองและสังคมที่ได้รับความนิยม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดียจากการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ ในปี 2490
ด้วยความสูง 240 เมตร ทำให้รูปปั้นที่ทำจากเหล็กและทองสำริด มีความสูงกว่ารูปอนุสาวรีย์เทพีแห่งเสรีภาพ บนอ่าวนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ประมาณ 2 เท่า โดยอนุสาวรีย์แห่งเอกภาพหมดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างมากถึง 410 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 12,941 ล้านบาท อนุสาวรีย์แห่งเอกภาพจะกลายเป็นรูปปั้นสูงที่สุดในโลกแห่งใหม่ ทำลายสถิติรูปปั้นพระไวโรจนะพุทธะ (Spring Temple Buddha) ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ซึ่งสูง 153 เมตร

แต่การคมนาคมเชื่อมต่อกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ของเขตนาร์มาทา ห่างจากเมืองอาห์เมดาบัด ประมาณ 100 กิโลเมตร ไม่มีความสะดวก อยู่ในขอบเขตจำกัด ซึ่งปัจจุบันนี้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมาด้วยรถบัสเท่านั้น รัฐบาลจึงอนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย ให้เปิดเส้นทางเครื่องบินทะเล 3 เส้นทางในภูมิภาค ในเดือนมิถุนายน เพื่อปรับปรุงทางเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้
