เจ้าหน้าที่รัฐบาลบราซิล แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 34 ราย และยังสูญหายอยู่ประมาณ 300 คน หลังจากเขื่อนกักเก็บหางแร่ที่เหมืองเหล็ก ของบริษัทวาเล เอสเอ บริษัทเหมืองใหญ่สุดของบราซิล ในรัฐมีนัสเชไรส์ ทางตะวันตกของประเทศ แตกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเดินหน้าค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่ใกล้เมืองบรูมาดิญโญ หลังเกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าว ยังไม่มีความชัดเจนว่าเขื่อนแตกครั้งนี้เกิดจากอะไร
บริษัทวาเล เอสเอ ยังถูกผู้พิพากษาในรัฐมีนัสเชไรส์ อายัดบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ 6,000 ล้านเรียลบราซิล หรือ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อม เยียวยาผู้เสียหาย และจัดการกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
เขื่อนแตก ทำให้ทะเลโคลนมหาศาล ไหลทะลักเข้าถล่มโรงอาหารของเหมืองที่มีคนงานหลายร้อยคนกำลังรับประทานอาหารเที่ยงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จึงทำให้มีผู้สูญหายจำนวนมาก และเมื่อวันเสาร์ สำนักงานป้องกันภัยฉุกเฉินของบราซิล ก็ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ และเครื่องจักรหนัก ช่วยกันค้นหาผู้รอดชีวิต ซึ่งก็มีผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลือประมาณ 50 คนขึ้นมาจากดินโคลน และ 23 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่นายโรเมอู เซมา ผู้ว่าการรัฐมีนัสเชไรส์ กล่าวว่า โอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตเพิ่ม ริบหรี่เต็มที ขณะนี้ ดูเหมือนเจ้าหน้าที่จะทำได้เพียงเก็บกู้ศพเท่านั้น และกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ควรจะถูกนำตัวมาลงโทษ
ส่วนบรรดาญาติพี่น้องของผู้สูญหาย ก็ร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลอันเป็นที่รัก “หลานชายวัย 5 ขวบของผม ถามผมว่า พ่อเขาตายไหม? ผมจะบอกหลานว่าอย่างไร?” โอลิเวีย รีออส กล่าว
ด้านประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิล ซึ่งบินสำรวจพื้นที่ประสบภัยเมื่อวันเสาร์ ทวิตข้อความว่า มันยากที่จะทำใจได้ หลังจากเห็นภาพความเสียหาย เขายอมรับข้อเสนอของอิสราเอลในการส่งเครื่องมือค้นหาที่สามารถหาเหยื่อที่ถูกฝังอยู่ใต้โคลนได้
เมื่อวันเสาร์เช่นกัน สำนักงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบราซิล สั่งปรับเงินบริษัทวาเลเบื้องต้นจำนวน 250 ล้านเรียล หรือประมาณ 66.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นการลงโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น