อย่าปล่อยให้ "เสียงกรน" ดังเท่าระฆัง

2019-01-24 19:05:13

อย่าปล่อยให้ "เสียงกรน" ดังเท่าระฆัง

Advertisement

กรนนั้นสำคัญไฉน...แปลว่าหลับสบาย หรือเป็นแค่เสียงหายใจของคนบางคนที่กำลังหลับอยู่ หรือมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น?

ส่วนใหญ่ปัญหาเรื่องนอนกรน สามีหรือภรรยาของผู้นอนกรนจะพามาพบแพทย์ หรือไม่ก็ผู้นอนกรนเองมาพบแพทย์เอง เพราะถูกคนข้างเคียงบ่นว่าเรื่องกรนเสียงดัง แต่พอไปพบแพทย์ แพทย์กลับถามอาการต่าง ๆ อีกมากมายหลายอย่าง ตั้งแต่อาการอ่อนเพลีย อาการง่วงนอนผิดปกติ อาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างหลับ โรคประจำตัวทั้งหลายตั้งแต่ความดันสูง โรคหัวใจ สมอง และอีกมากมาย

ทั้งที่ไปพบแพทย์ด้วยเรื่องเสียงกรน แต่แพทย์กลับมีคำถามอื่น ๆ อีกมากมายก็เพราะต้องตรวจว่าผู้ป่วยน่าจะมีโรคหยุดหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea) ร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งโรคหยุดหายใจขณะหลับส่งผลเสียต่อสุขภาพมากมายหลายประการ ซ้ำร้ายยังอาจส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเสียชีวิตก่อนถึงวัยอันควรได้อีกด้วย

ถึงตรงนี้คงมีข้อสงสัยต่อว่า ผู้ที่นอนกรนทุกคนจะมีอาการของโรคหยุดหายใจขณะหลับทั้งหมดเลยหรือไม่ ขออธิบายเพื่อให้ท่านที่ใกล้ชิดผู้ที่นอนกรนได้สังเกตในคืนนี้ว่า ผู้ที่นอนกรนข้าง ๆ มีลักษณะการกรนแบบใด และแต่ละแบบน่าจะมีปัญหาหยุดหายใจมากหรือน้อยอย่างไร


แบบแรก เรียกว่า "แบบคลาสสิก" คือพอหลับปุ๊บ ไม่ว่าตะแคงหรือหงาย เสียงกรนจะดังทันที แล้วเสียงกรนยังมีหลายหลากเสียง ทั้งเสียงอี๊ด ๆ สั้น ๆ หรือครืด ๆ แล้วเงียบไปชั่วขณะ (ราว 10 วินาทีหรือเกือบนาทีในบางครั้ง) แล้วตามด้วยเสียงกรนคร็อก..ก.. ดังขึ้นมาอย่างแรง พร้อมกับหายใจถี่ ๆ ตามมา แล้วเสียงกรนก็กลับเงียบไปอีกสลับกันไปเรื่อย ๆ เป็นวงจร ซึ่งให้สังเกตตอนที่เสียงกรนเงียบจะเห็นว่า ช่วงที่เงียบไปจริง ๆ แล้วเป็นเพราะไม่มีลมหายใจผ่านเข้าออกจมูกปาก ทั้งที่อกและท้องในขณะนั้นก็ยังกระเพื่อมอยู่ แต่ดูคล้ายหายใจแบบอึกอัก เหมือนคอถูกบีบหรือถูกอุดไว้ ลักษณะแบบนี้จะมีภาวะหยุดหายใจแน่ ๆ และมีความรุนแรงได้

แบบที่สอง ก็มีความรุนแรงเช่นกัน คือชอบนั่งพิงเก้าอี้หรือนั่งหลับในรถ แม้ในท่านั่งก็ยังกรนดังคร็อก ๆ ตลอด แบบเสียงดังฟังชัด แบบนี้ต่อให้ไม่เห็นลักษณะแบบคลาสสิก ก็มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับแน่นอน ซึ่งแบบนี้ขอเรียกว่า "ท่านั่งยังกรน"

แบบที่สาม จะมีลักษณะกรนแบบคลาสสิกเฉพาะท่านอนหงาย ความแปรปรวนของเสียงกรนมักจะไม่มากนัก แต่มีช่วงกรนดังสลับช่วงเงียบเป็นวงจรเช่นกัน แต่บางครั้งช่วงที่หยุดหายใจอาจเกิดขึ้นห่างกันไม่เกิน 10 ครั้งต่อ 1 ชั่วโมง และสังเกตนอนตะแคงอาจดูหายใจสบาย ๆ ไม่มีเสียงกรนหรือมีกรนแผ่ว ๆ บ้างและเสียงเป็นจังหวะสม่ำเสมอตามการหายใจดีกว่านอนหงาย แบบนี้เรียกว่า "กรนหนักเฉพาะนอนหงาย" กลุ่มนี้จะมีภาวะหยุดหายใจในท่าหงาย ส่วนท่าตะแคงจะมีหยุดหายใจบ้างหรือไม่มีเลย

แบบที่สี่ เสียงกรนจะดังแผ่ว ๆ แบบสม่ำเสมอเป็นครั้งคราว เป็นบางช่วงของคืน แต่ก็มีนาน ๆ ทีที่มีลักษณะหายใจดูคล้ายหยุดหายใจให้สังเกตเห็นได้บ้างหรือสังเกตไม่เห็นเลย ขึ้นอยู่กับความอ่อนล้าในวันนั้น คนที่อยู่ข้าง ๆ อาจคิดในใจว่า "วันนี้ท่าจะเหนื่อย" ประมาณนั้น ไม่ถึงกับทำให้คนข้าง ๆ ผวา แบบนี้เรียกว่า "กรนหลับปุ๋ย"

แบบสุดท้าย "กรนซ่อนกรน" มักเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่อายุมากแล้ว กล้ามเนื้อทั้งหลายไม่ค่อยมีกำลัง เนื้อหนังทั้งหลายก็หย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง ผู้ป่วยเหล่านี้เวลาหลับลมหายใจก็จะแผ่วด้วย เสียงกรนมักไม่ดังมาก อาจมีการหยุดหายใจเพราะขากรรไกรตก ลิ้นหย่อนไปอุดเป็นห้วง ๆ ได้เช่นกัน โดยที่บางครั้งอาจมองไม่ออก ผู้ป่วยเหล่านี้อาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับโดยที่กรนแค่แผ่ว ๆ หรือแทบไม่กรนเลย

ถึงตรงนี้ หลายคนคงเห็นภาพชัดขึ้นว่า กรนที่มีการหยุดหายใจของคนใกล้ชิดเกิดขึ้นได้ในลักษณะใดบ้าง อย่างไรก็ตาม ลักษณะการกรนข้างต้นยังไม่แม่นยำและถูกต้องดีพอถึงขนาดนำมาใช้เป็นมาตรฐานในการวินิจฉัยโรค แพทย์ที่ตรวจรักษาจึงจำเป็นต้องรู้ให้ได้อย่างชัดเจนแน่นอนว่า ผู้ป่วยที่กรนนั้นมีโรคหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่ และรุนแรงมากน้อยเพียงใด โดยการตรวจสภาพการนอนหลับ (polysomnography) ซึ่งผลการตรวจทำให้รู้ว่าผู้ป่วยมีการหยุดหายใจกี่ครั้งต่อชั่วโมง แต่ละครั้งเฉลี่ยนานเท่าใด ออกซิเจนตกมากน้อยเพียงไร ทั้งในท่านอนหงายและตะแคง และสภาพการหลับของสมองเป็นอย่างไร มีหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยหรือไม่ เป็นต้น หลังจากทราบผลตรวจ แพทย์ก็จะวางแผนการรักษาร่วมกับผู้ป่วยตามแนวทางมาตรฐานต่อไป 

อย่าลืมนะครับ คืนนี้ลองไปสังเกตคนใกล้ชิดว่านอนกรนแบบใด มีการหยุดหายใจร่วมด้วยหรือไม่ หากมี ก็อย่าลืมชวนไปปรึกษาแพทย์นะครับ 

นพ.สิทธิ์เทพ ธนกิจจารุ

ภาควิชาอายุรศาสตร์

คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล