ศาลฎีกายืนจำคุก 3 เกลอหมิ่น “ปู” รอลงอาญา 2 ปี

2019-01-24 12:40:12

ศาลฎีกายืนจำคุก 3 เกลอหมิ่น “ปู” รอลงอาญา 2 ปี

Advertisement

ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 1 ปี ปรับ 5 หมื่น “ศิริโชค-เทพไท-ชวนนท์” คดีหมิ่นประมาท "ยิ่งลักษณ์" โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษา ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการคดีอาญา 8 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศิริโชค โสภา นายเทพไท เสนพงศ์ และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326, 328 และ 332 กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 10-15 ก.พ.2555 จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการสายล่อฟ้า ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมร่วมกันใส่ร้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เสียหายขณะไปปฏิบัติภารกิจที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นทำนองว่า ประพฤติผิดจริยธรรม ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ต่อมาฝ่ายโจทก์ยื่นฎีกา ขอไม่ให้ศาลรอการลงโทษ ส่วนจำเลยยื่นฎีกาขอให้ศาลยกฟ้องด้วย อย่างไรก็ตามระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทั้งฝ่ายโจทก์ และฝ่ายจำเลยต่างไม่ติดใจเอาความจึงยื่นคำร้องขอถอนฎีกา ออกจากการพิจารณาของศาลฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมพร้อมพิเคราะห์คำร้องของคู่ความทั้งสองเเล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามจะต้องวินิจฉัยในบริบท ปฏิกริยา เเละภาพหรือท่าทางประกอบของผู้พูดซึ่งฉายาเอาอยู่ที่อ้างว่าเป็นเรื่องฉายาโจทก์ร่วมตอนเหตุการณ์น้ำท่วม เเต่เมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่นเห็นว่าคำว่า”เอาอยู่”ทำให้วิญญูชนเจ้าใจได้ว่าโจทก์ซึ่งมีสามีเเละบุตรชายหนีประชุมสภาไปที่โรงเเรมโฟรซีซั่นเพื่อประพฤติในทางชู้สาวมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรมที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยพิพากษายืน ส่วนมีเหตุให้รอลงอาญาหรือไม่นั้นศาลเห็นว่า เเม้การกระทำของจำเลยทั้ง3จะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เเต่หลักการบริหารประเทศย่อมต้องมีความโปร่งใสโจทก์ร่วมก็ไม่ได้ชี้เเจงสาเหตุการไปที่โรงเเรมโฟร์ซีซั่นดังกล่าวให้สาธารณชนรับทราบเเม้ในปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีการชี้เเจงคงมีเพียงคำเบิกความในชั้นศาลที่ว่าไปพบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากเป็นความจริงก็ย่อมที่จะไม่จำเป็นต้องปกปิดการกระทำเป็นความลับทำให้เกิดความสงสัย การกระทำของจำเลยทั้ง 3 เเม้ไม่ชอบด้วยกฎหมายเเต่ก็มีเจตนาดีสังคม ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาว่าจำเลยยังเคยต้องโทษรอลงอาญาในคดีหมิ่นประมาทที่ อ.3545/2558 นั้นพฤติการณ์เป็นคนละเเบบกัน โทษจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี