เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศยอมรับนายฮวน กีโด หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเวเนซูเอลา เป็นประธานาธิบดีรักษาการของเวเนซูเอลา โดยในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะทุ่มเทอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการทูตของสหรัฐเต็มรูปแบบ เพื่อเร่งฟื้นฟูประชาธิปไตยในเวเนซูเอลา และกระตุ้นให้รัฐบาลประเทศอื่น ๆ ในซีกโลกตะวันตก ยอมรับนายกีโดด้วย
ทรัมป์ กล่าวด้วยว่า ทุกทางเลือกในการจัดการกับรัฐบาลเวเนซูเอลา ยังวางอยู่บนโต๊ะ ขณะที่ รัฐบาลของเขากำลังพิจารณาหามาตรการต่าง ๆ เพื่อขับไล่นายนิโคลัส มาดูโร ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยรัฐบาลของทรัมป์ได้เพิ่มแรงกดดันต่อมาดูโร ด้วยการประกาศว่าสหรัฐยอมรับให้นายกีโด ผู้นำฝ่ายค้านเป็นประธานาธิบดีรักษาการ เพราะรัฐบาลของนายมาดูโร ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อภาคน้ำมันที่สำคัญยิ่งต่อความอยู่รอดของเวเนซูเอลา
ด้านนายกีโด วัย 35 ปี ก็ได้สาบานตนเป็นประธานาธิบดีชั่วคราวของเวเนซูเอลาต่อหน้าฝูงชนเมื่อวันพุธเช่นกัน และบอกว่า เขาจะทำหน้าที่แทนนายมาดูโรด้วยความสนับสนุนจากกองทัพและจะจัดการเลือกตั้งอย่างเสรี ขณะที่ชาวเวเนซูเอลานับแสนคน หลั่งไหลออกสู่ถนน เพื่อเรียกร้องให้ขับไล่รัฐบาลสังคมนิยมของนายมาดูโร โดยผู้ประท้วงมารวมตัวกันบนถนนสายต่าง ๆ ทางตะวันออกของกรุงการากัส ตะโกนขับไล่นายมาดูโร ให้ออกไปจากตำแหน่ง และตะโกนสนับสนุนนายกีโด เป็นประธานาธิบดี
การชุมนุมเกิดขึ้นหลังการประท้วงรุนแรงหลายสิบครั้งและมีการปล้นสดมเมื่อคืนก่อนหน้า มีผู้เสียชีวิต 4 ราย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่และกลุ่มสิทธิมนุษยชน ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า อาจเกิดความวุ่นวายเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน

ส่วนนายมาดูโร ก็ออกมาแถลงการณ์ตอบโต้ว่า เขาได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและการเมืองกับสหรัฐ หลังทรัมป์ประกาศยอมรับผู้นำฝ่ายค้านเป็นประธานาธิบดีรักษาการอย่างเป็นทางการ ในการกล่าวปราศรัยถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ มาดูโรกล่าวหาฝ่ายค้านว่า พยายามก่อรัฐประหารด้วยการสนับสนุนของสหรัฐ ซึ่งเขาบอกว่า สหรัฐกำลังต้องการบริหารเวเนซูเอลา
ทั้งนี้ นายมาดูโร สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา หลังการเลือกตั้งที่มีการคว่ำบาตรอย่างกว้างขวางเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลต่างชาติระบุว่า เป็นการโกงเลือกตั้ง