เร่งหาสาเหตุไฟไหม้คลังอาวุธ อส.

2019-01-22 15:55:41

เร่งหาสาเหตุไฟไหม้คลังอาวุธ อส.

Advertisement

จนท.เร่งตรวจหาสาเหตุเพลิงไหม้ห้องเก็บอาวุธปืน อส. ป้องกันจังหวัดไม่อนุญาตผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป ต้องรอให้ตรวจเสร็จเพื่อยืนยันมูลค่าความเสียหายอีกครั้ง


จากกรณีเหตุเพลิงไหม้อาคารฝึกที่ 1 ซึ่งเป็นอาคารไม้เก่า 2 ชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน เป็นที่พักของกองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.สุรินทร์ และห้องสรรพวุธ(คลังเก็บอาวุธปืนและลูกกระสุนปืนของ จนท.อส.) ภายในกองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.สุรินทร์ ที่ 1 เมื่อเวลา 15.35 วันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งอยู่  กม.ที่ 8 ถนนสายสุรินทร์-ปราสาท ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยต้นเพลิงมาจากห้องเก็บสรรพาวุธมีเสียงไฟไหม้ประทุขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง พร้อมเสียงระเบิดของลูกกระสุนปืนที่ถูกเพลิงไหม้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ขณะที่ เจ้าหน้าที่ อส.ได้ประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองสุรินทร์ รถดับเพลิง อบต.เฉนียง อบต.ใกล้เคียง และรถดับเพลิงจาก มทบ.25 พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์ กว่า 8 คัน เข้าพื้นที่เร่งฉีดสกัดอาคารดังกล่าวอย่างเร่งด่วน และกันผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ให้อยู่ในระยะห่างที่ปลอดภัย


หลังเพลิงสงบ พบว่าอาคารได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง รถยนต์ของกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนเสียหาย 1 คัน เครื่องใช้สำนักงาน อาวุธปืนชนิดเอ็ม 16 ปืนลูกซองยาว และปืนพกสั้นกว่า 130 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกจำนวนหนึ่งส่วนมูลค่าความเสียหายและจำนวนอาวุธปืนต่างๆที่ชัดเจนอยู่ระหว่างตรวจสอบ




ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 วันที่ 22 ม.ค.ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนสุรินทร์ที่ 1 พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกองวิทยาการตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่อีโอดี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน ซึ่งอยู่เวรประจำตู้ยามหน้าทางเข้าไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปโดยเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่าผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนสุรินทร์ที่ 1 หรือป้องกัน จ.สุรินทร์ มีคำสั่งห้ามดังกล่าว เนื่องจากต้องรอให้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่อีโอดี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบ และเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ที่ชัดเจนให้แล้วเสร็จเสียก่อน จึงจะอนุญาตให้เข้าไปได้ สำหรับมูลค่าความเสียหายต่างๆนั้น ต้องรอการยืนยัน จากป้องกัน จ.สุรินทร์อีกครั้ง